กรุงเทพฯ 6 ก.ค.-บมจ. แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดปทุมธานี ที่ให้บริการรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจและโรคซับซ้อนสำหรับแม่และเด็ก พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 6 ก.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณราคา IPO 6,300 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ ว่า “PHG”
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “PHG” ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2566
สำหรับ PHG ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่ให้บริการทางการแพทย์ทั่วไปและเฉพาะทาง ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลแพทย์รังสิต” มายาวนานกว่า 37 ปี ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในจังหวัดปทุมธานี และขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้จัดตั้งโรงพยาบาลในเครือเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิต และโรงพยาบาลแพทย์รังสิต 2 โดยมีจำนวนเตียงจดทะเบียนรวม 270 เตียง บุคลากรทางการแพทย์กว่า1,000 คน เพื่อรองรับลูกค้าทั้งกลุ่มทั่วไป กลุ่มโครงการสวัสดิการภาครัฐ และลูกค้าต่างชาติ ในจังหวัดปทุมธานีกรุงเทพตอนเหนือ และจังหวัดใกล้เคียง โดยมีจุดเด่นที่การให้บริการฉพาะทาง ได้แก่ ศูนย์หัวใจ 24 ชั่วโมง ซึ่งมีศักยภาพในการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด (Open Heart Surgery) และสูตินรีเวชกรรมและกุมารเวชกรรมที่สามารถรักษาโรคที่ซับซ้อนได้
PHG มีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 246 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) 54 ล้านหุ้น โดยเสนอขายให้แก่บุคคลตามดุลยพินิจของ ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 40.53 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ 8.1 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย 5.37 ล้านหุ้น ในวันที่ 28 – 30 มิถุนายน 2566 ราคาหุ้นละ 21 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,134 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 6,300 ล้านบาท
นายรณชิต แย้มสอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป (PHG) เปิดเผยว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนสำหรับการเติบโตตามกลยุทธ์ที่วางไว้ในการขยายธุรกิจ การขับเคลื่อนสังคมด้วยการให้บริการด้านสุขภาพที่ดีขึ้น และสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาขยายธุรกิจในแนวดิ่งต่อยอดการพัฒนาศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์สำหรับโรคผู้สูงอายุโรคมะเร็ง และโรคทางนรีเวชกรรม เพื่อยกระดับกลุ่ม
โรงพยาบาลให้เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิในอนาคต PHG มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) กลุ่มนามสกุลตระกูลช่าง ถือหุ้น 37.22% 2) กลุ่มนามสกุลแย้มสอาด ถือหุ้น 28.00% และ 3) นางสาวอภิรดี ดิศแพทย์ ถือหุ้น 2.25% ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรเงินสำรองตามกฎหมาย .-สำนักข่าวไทย