กรุงเทพฯ 5 ก.ค.- สำนักงานก.ล.ต. ร่วมกับธปท. จัดสัมมนา “Thailand Taxonomy กติกาใหม่เพื่อโลกที่ยั่งยืน” เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ Thailand Taxonomy ระยะที่ 1 เพื่อนำไปใช้อ้างอิงในการจำแนกและจัดกลุ่มทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของไทย โดยมีรองปลัดทส. ปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แผนการดำเนินงานในการลดก๊าซเรือนกระจก และบทบาทของ Thailand Taxonomy ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธ.ป.ท.) จัดงานสัมมนา “Thailand Taxonomy กติกาใหม่เพื่อโลกที่ยั่งยืน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ “มาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Thailand Taxonomy) ระยะที่ 1 ฉบับสมบูรณ์” ให้แต่ละภาคส่วนสามารถนำไปใช้อ้างอิงในการจำแนกและจัดกลุ่มทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของไทย โดยมีนางสาวจอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการสำนักงานก.ล.ต. และนายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการธปท. กล่าวเปิดงาน
ทั้งนี้นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ปาฐกถาพิเศษ โดยเน้นย้ำเกี่ยวกับ ความสำคัญของปัญหาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือโลกร้อนเป็นสิ่งที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ โดยในปี 2021 The Global Climate Risk Index จัดลำดับประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสูงที่สุดในลำดับที่ 9 ของโลกเช่น ในปี 2565 ไทยเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงหลายพื้นที่ทั้งน้ำท่วมภัยแล้ง พายุ ดินถล่มฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำทะเลหนุนสูงและเมื่อเดือนมีนาคม 2566 เกิดเหตุไฟไหม้ป่าเขาชะพลู ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก สร้างพื้นที่ที่เสียหาย ประมาณ 1,800 ไร่เนื่องจากอากาศที่ร้อนและแห้งมากขึ้น ทำให้เกิดผลกระทบรุนแรงมากยิ่งขึ้น
จากการประชุม COP26 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ณ เมือง Glasgow สหราชอาณาจักรประเทศไทยตั้งเป้าหมายที่จะยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ.2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emission) ภายในหรือก่อนปี ค.ศ.2065
ทั้งนี้หากได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินเทคโนโลยีและการเสริมสร้างขีดความสามารถจากความร่วมมือระหว่างประเทศ และกลไกภายใต้กรอบอนุสัญญาฯ ที่เหมาะสม ประเทศไทยจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ โดยจำเป็นต้องเร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานในด้านต่างๆ 6 ด้านหลัก ได้แก่
1. ด้านนโยบาย/กฎหมาย การบูรณาการเป้าหมาย net zero เข้าสู่ยุทธศาสตร์ชาติแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงแผนของกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนพลังงานแห่งชาติ
2. ด้านเทคโนโลยี/นวัตกรรม เช่น การดำเนินตามนโยบายของกระทรวงพลังงานการเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด เช่น EV หรือ Smart Grid การวิจัย พัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ในการลดก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศ เช่น พลังงาน Hydrogen
3. ด้านงบประมาณและการลงทุน ภาคสถาบันการเงินจะต้องสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อสีเขียว จากแหล่งเงินในรูปแบบต่างๆ และการจัดทำมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสาขาต่างๆ เช่นพลังงาน ขนส่ง อุตสาหกรรมและการเกษตร
4. ด้านการพัฒนากลไกตลาดคาร์บอนเครดิตทั้งในและต่างประเทศสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำและเสนอคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ เห็นชอบแนวทางและกลไกการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตเพื่อส่งเสริมการสร้างตลาดคาร์บอนในประเทศไทยให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
5. การเพิ่มแหล่งกักเก็บและดูดกลับก๊าซเรือนกระจก ผ่านมาตรการส่งเสริมการปลูกป่าธรรมชาติและปลูกป่าเศรษฐกิจโดยกรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการปลูกป่า บำรุงรักษาและฟื้นฟูป่าในพื้นที่ของรัฐ และแบ่งปันคาร์บอนเครดิต ตามโครงการ T-VER ด้านป่าไม้และพื้นที่สีเขียว
6. เร่งศึกษาศักยภาพและความเหมาะสมในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการดักจับ การใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) ซึ่งหากประเทศไทยสามารถนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ได้อย่างแพร่หลายในเชิงพาณิชย์ภายในปี ค.ศ. 2040 จะเป็นส่วนสำคัญอย่างมากต่อการบรรลุเป้าหมายด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
นายเถลิงศักดิ์กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำลังผลักดัน (ร่าง) พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศพ.ศ…. ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการยกระดับการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ โดยจะพิจารณาเพิ่มเติมบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตและกลไกทางการเงินในพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว ก่อนนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ต่อไปซึ่งมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม หรือ Thailand Taxonomy ที่จัดทำขึ้นนี้ จะได้นำมาพิจารณาประกอบในการจัดทำ (ร่าง) พระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งในด้านการลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การใช้ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน การอนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ การป้องกันและควบคุมมลพิษ และการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. และธปท. มุ่งหวังให้ความรู้ที่ได้รับจากการสัมมนาวันนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการนำ Thailand Taxonomy มาใช้เป็นแนวทางอ้างอิงในการกำหนดนโยบายหรือกลยุทธ์การสร้างโอกาสในการหาแหล่งเงินทุนตลอดจนการบริหารจัดการโอกาสและความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างเหมาะสม เพื่อช่วยสนับสนุนให้ระบบเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างราบรื่นและทันการณ์ต่อไป.-สำนักข่าวไทย