กรมการค้าภายในย้ำภาพรวมสินค้าเกษตรตอนนี้ราคายังดีต่อเนื่อง

นนทบุรี 30 มิ.ย. – อธิบดีกรมการค้าภายใน เผยภาพรวมราคาสินค้าเกษตรหลายรายการยังอยู่ระดับที่ดี ทั้งข้าวและผลไม้ในภาคใต้ ที่ผลผลิตกำลังออกสู่ตลาด ทั้งทุเรียน มังคุด และเงาะ ซึ่งระดับราคาในปีนี้สูงกว่าปีที่ผ่านมา


นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงภาพรวมสถานการณ์ราคาข้าวขณะนี้อยู่เกณฑ์ดี โดยข้าวเปลือกหอมมะลิ อยู่ที่กิโลกรัมละ 14,600 บาท จากเดือนก่อนที่ 10,034 บาท, ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ กิโลกรัมละ 13,750 บาท สูงจากเดือนก่อนที่ 13,244 บาทต่อกิโลกรัม, ข้าวเปลือกปทุมธานี กิโลกรัมละ 11,350 บาท สูงจากเดือนก่อนที่ 10,983 บาทต่อกิโลกรัม โดยเฉพาะข้าวเปลือกเหนียว ราคาอยู่ในระดับสูง ถือเป็นปีทองของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเหนียว ขณะนี้ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 13,200 บาท จากเดือนก่อนกิโลกรัมละ 12,488 บาท ส่วนมันสำปะหลัง ราคาลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อน อยู่ที่กิโลกรัมละ 3.35 บาท และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาทรงตัวที่กิโลกรัมละ 11.40 บาท 

ขณะที่กลุ่มอาหารสดส่วนใหญ่ทรงตัว เช่น เนื้อหมู ราคาทรงตัวที่กิโลกรัมละ 140-150 บาท และไข่ไก่ ฟองละ 4.80 บาท ส่วนราคาผักลดลงต่อเนื่อง ทั้งผักคะน้า ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี และผักที่สูงขึ้นก่อนหน้านี้ อย่างต้นหอม ลดลงอยู่ที่กิโลกรัมละ 77 บาท จากสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 84 บาท ผักชี ทรงตัวที่กิโลกรัมละ 91 บาท พริกขี้หนู ลดลงมาเหลือ 82 บาทต่อกิโลกรัม จากสัปดาห์ก่อน ที่กิโลกรัมละ 86 บาท และมะนาว ปรับลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ลูกละ 3.35 บาทแล้ว ส่วนปัญหาเอลนิลโญ ต้องยอมรับว่าจะมีผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดให้ลดลง เช่น ไข่ไก่ ที่จะมีขนาดเล็กลง และผัก ทำให้คุณภาพลดลง อาทิ ใบหยิก แต่ผู้บริโภคจะได้ซื้อในราคาที่ถูกลงตามคุณภาพ


นอกจากนี้สินค้าอุปโภคบริโภค ในภาพรวมราคายังทรงตัว และมีการจัดโปรโมชั่นหลายรายการ เช่น น้ำมันพืชปาล์ม จำหน่ายขวดลิตรละ 45-47 บาท และน้ำมันถั่วเหลือง ลดเหลือ 58 บาท จาก 60 บาท รวมถึงผลิตภัณฑ์ซักผ้า ที่มีการลดราคาต่อเนื่องในห้างต่างๆ ส่วนผลไม้ ขณะนี้เป็นช่วงผลผลิตภาคใต้ ที่ออกแล้วประมาณ 50% ซึ่งได้ใช้มาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุกปี 2566 รวม 22 มาตรการ ทำให้ราคาผลไม้ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี มีทั้งการจัดกิจกรรมกระตุ้นการบริโภคในหลายจังหวัด และลงพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรวมกลุ่มหยุดรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร หลังพบมีความพยายามจะกระทำการดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้สร้างพันธมิตรใหม่ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ดูแลบ้านจัดสรรและคอนโดฯ 6 รายใหญ่ เพื่อระบายผลไม้ส่งไปยังครัวเรือน คาดว่าเบื้องต้นน่าจะมีคำสั่งซื้อใน 54 หมู่บ้าน 25 คอนโดฯ ตั้งเป้าระบายผลผลิต 5,000 ตัน รวม 50,000 ครัวเรือน

นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า ราคาผลไม้ปีนี้ดีมาก ซึ่งผลผลิตภาคใต้ โดยทุเรียนออกแล้ว ประมาณ 50% มังคุด และเงาะ ออกแล้วประมาณ 30-40% ในส่วนของราคาทุเรียนเกรดเอ-บี กิโลกรัมละ 120-125 บาท จากปีที่แล้ว ราคา 110 บาท, เกรดซี กิโลกรัมละ 90-100 บาท จากปีที่แล้วอยู่ที่ 80 บาทต่อกิโลกรัม และเกรด D อยู่ที่กิโลกรัมละ 75-80 บาท จาก 50-60 บาท ซึ่งทุเรียนเกรดรอง มีความต้องการสูงมาก เพื่อส่งออกไปจีน มั่นใจว่าภาพรวมราคาทุเรียน ดีต่อเนื่อง ส่วนมังคุด มีการรับซื้อต่อเนื่องดันราคายังดี ราคาเฉลี่ย 60-95 บาทต่อกิโลกรัม จากปีที่แล้ว 37 บาท และราคาเคยขยับขึ้นไปถึง 120 บาทต่อกิโลกรัม, มังคุดเกรดคละ กิโลกรัมละ 35 บาท จาก 25 บาท ในปีที่แล้ว 

ส่วนเงาะปีนี้ผลผลิตมีมากขึ้น จากปีที่ผ่านมาผลผลิตหายไป 90% ซึ่งราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 30-35 บาท จากปีที่ผ่านมา 26 บาท ซึ่งได้เดินหน้าเชื่อมโยงเงาะไปจำหน่ายในกิจกรรมต่างทั่วประเทศ และปริมาณผลผลิตที่ยังกลับมาไม่มากนัก จึงคาดว่าภาพรวมราคาน่าจะมีแนวโน้มปรับขึ้นได้อีกด้วย


สำหรับพี่น้องเกษตรกร นอกจากราคาสินค้าเกษตรหลายรายการจะอยู่ในระดับที่ดีแล้ว ขณะนี้ราคาปัจจัยการผลิต โดยเฉพาะต้นทุนสำคัญอย่างปุ๋ย ก็มีการปรับลดลงต่อเนื่อง ส่วนราคาอาหารสัตว์ที่ยังราคาสูงอยู่นั้น กรมการค้าภายในเตรียมสนับสนุนลดต้นอาหารสัตว์ ใช้วิธีการเชื่อมโยงจากโรงงานผู้ผลิตไปยังกลุ่มเกษตรกรโดยตรง

ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวดีของพี่น้องเกษตรกร จากราคาปุ๋ยที่ลดลงต่อเนื่อง และระดับสตอกปุ๋ยทั่วประเทศ อยู่ที่ 1.2 ล้านตัน ซึ่งอยู่ในระดับที่เพียงพอมั่นใจได้ว่าไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน สำหรับราคาในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงปลายฤดูเพาะปลูกของสหรัฐและบราซิล ส่วนจีนสิ้นสุดฤดูเพาะปลูกไปแล้ว ทำให้ความต้องการในตลาดโลกไม่เพิ่มขึ้น โดยแม่ปุ๋ย และปุ๋ยสูตรสำเร็จ ได้ปรับลดลงทุกสัปดาห์ อาทิ ปุ๋ยยูเรีย ลดไปแล้ว 51% และคาดว่าราคายังมีแนวโน้มลดลงอีก โดยกรมการค้าภายในจะติดตามใกล้ชิดเพื่อป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคา 

ส่วนอาหารสัตว์นั้น วัตถุดิบสำคัญอย่างข้าวโพด ราคายังทรงตัวสูง ซึ่งกรมการค้าภายในได้หารือกับกรมปศุสัตว์ ผู้เลี้ยงทั้งหมูและไก่ เตรียมสนับสนุนลดต้นทุนอาหารสัตว์ให้กับผู้เลี้ยงรายย่อย เบื้องต้นจะใช้รูปแบบเชื่อมโยงอาหารสัตว์จากโรงงานผู้ผลิตไปยังกลุ่มเกษตรกรโดยตรง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย