ซีไอเอ็มบีระบุรวมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดเจนช่วงครึ่งหลังของปี

กรุงเทพฯ 27 มิ.ย.-ที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทยระบุเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย โดยมองไตรมาส 4 มีโอกาสจะเติบโตเฉียด 5% ดังนั้น ทิศทางภาพรวมเศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี


ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทยเปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 มีโอกาสจะขยายตัวได้ 3.0% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมองว่าไตรมาส4 มีโอกาสจะเติบโตเฉียด 5% เพราะฉะนั้นมองภาพเศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี

ปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตเร่งแรง มาจาก 3 ปัจจัย


1. จำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นเร็วกว่าที่คาด และฟื้นเร็วกว่าที่เห็นช่วงครึ่งแรกของปี ไม่ว่าจะเป็นหลายประเทศที่เริ่มกลับมามีจำนวนนักท่องเที่ยวใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ ยุโรป รัสเซียอย่างไรก็ดี ต้องรอจำนวนนักท่องเที่ยวจีนให้มากกว่านี้ แต่ก็เชื่อว่าโอกาสที่จะกลับมามีมากขึ้น ผลดีน่าจะมีต่อธุรกิจบริการกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร ขนส่ง (สายการบิน) ค้าปลีก โดยเฉพาะตลาดบน เช่น โรงแรมขนาด 4 ดาวขึ้นไป และน่าจะเห็นการกระจายตัวมากกว่าในกรุงเทพฯและภูเก็ตออกไปเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น พัทยา สมุย กระบี่ เป็นต้น

2. ภาคการส่งออกที่น่าจะพลิกกลับมาเป็นบวก หลังจากติดลบต่อเนื่องในช่วงต้นปี เห็นภาพการฟื้นตัวในอุตสาหกรรมกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ชิ้นส่วน น่าจะสนับสนุนให้เกิดภาคการลงทุนที่ดีขึ้น การจ้างงานที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งสนับสนุนภาคการบริโภคอีกทอดหนึ่ง โดยกลุ่มที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีในช่วงไตรมาส 3 น่าจะอยู่ในกลุ่มอาหารแปรรูปและเกษตรแปรรูป โดยได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศจีนเป็นสำคัญ

3. ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่น่าจะทรงตัว หรือกลับมาย่อลงเล็กน้อย ตามปัจจัยเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป ที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตช้าลง โดยราคาน้ำมันที่ย่อลงน่าจะเป็นส่วนที่ช่วยลดค่าครองชีพให้คนในประเทศ สนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อเริ่มมีแนวโน้มที่จะทรงตัวและลดลงต่อเนื่องได้ นอกจากนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ มีแนวโน้มทรงตัวหรือลดลงตามราคาน้ำมัน ซึ่งน่าจะช่วยลดต้นทุนภาคการเกษตรจากราคาอาหารสัตว์ที่ลดลงและภาคการก่อสร้างจากราคาวัสดุต่างๆที่ทรงตัวได้ แต่อาจไม่มากเพราะปัญหาภัยแล้งจากสภาวะเอลนีโญ (El Nino)


ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 มีความเสี่ยงที่อาจทำให้การฟื้นตัวสะดุดได้ ด้วย 3 ปัจจัย

1. ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล อาจจะมีความล่าช้า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ คือ ต่างชาติ wait and see รอดูก่อน ก่อนที่จะกลับมาลงทุนในประเทศไทย อาจจะทำให้ไทยเสียโอกาสจากการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย ในอุตสาหกรรมสำคัญๆ บางครั้งเราอาจเสียโอกาสในการเร่งเจรจาการค้าเสรี (FTA) กับชาติยุโรป หรือชาติคู่ค้าสำคัญ ส่งผลให้ต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย พิจารณาย้ายฐานไปเวียดนามหรือประเทศอื่นได้ หากสถานการณ์ของเรายังไม่มีการเอื้อ ให้เกิดประโยชน์จากการตั้งฐานการผลิตในประเทศ นอกจากนี้ งบการใช้จ่ายภาครัฐ งบการลงทุนภาครัฐ อาจลดลงต่อเนื่องได้ กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศ เมื่อเอกชนไทยยังไม่เห็นโครงการลงทุนภาครัฐใหม่ ๆ เอกชนอาจชะลอการก่อสร้างและกระทบภาคส่วนนี้ เว้นคอนโดมิเนียมระดับ 3 ล้านบาทตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ยังไปต่อได้

2. เศรษฐกิจโลกชะลอโดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน เราเห็นภาพการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่เร่งแรงช่วงไตรมาส 1 ที่ 4.5% หลังจีนเปิดเมือง คนเร่งบริโภค แต่เริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง ทั้งภาคการส่งออกที่พลิกกลับมาติดลบ ภาคการผลิตที่เริ่มเติบโตช้าลง รวมทั้งการใช้จ่ายของคนในประเทศเองไม่ได้แข็งแรงเหมือนต้นปี ภาครัฐเองเริ่มหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การลดดอกเบี้ยช่วงที่ผ่านมา อาจพอพยุงเศรษฐกิจได้บ้าง แต่ภาพเศรษฐกิจจีนที่เสี่ยงจะชะลอลงปัญหาสงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยีกับสหรัฐฯที่สหรัฐฯพยายามกดดันไม่ให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวได้ดีนักโดยเฉพาะการส่งออกของจีนในอนาคตและอาจมีแรงกดดันในภาคการผลิตของจีนอยู่ ซึ่งผลต่อภาคการส่งออกและการผลิตของจีนที่โตช้าจะกดดันภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวของไทยได้ในช่วงไตรมาส 3 นี้

3. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่อลากยาว เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อมีแรงกดดันในระดับที่สูงอยู่ เงินเฟ้อที่หักจากราคาพลังงานและราคาอาหาร (core inflation) ยังลดลงค่อนข้างช้า ซึ่งอาจจะมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะมีความจำเป็นที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง โดยอาจไม่ได้ขึ้นทุกรอบการประชุมหรืออาจจะขึ้นแล้วหยุดชั่วคราวก็ตาม ทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สูงเกินกว่าที่ตลาดคาดกันไว้ที่ระดับ 5.75% และโอกาสในการลดดอกเบี้ยในปีนี้อาจจะหายไป น่าจะเกิดโอกาสที่เงินทุนจะเคลื่อนย้ายออกจากไทยกลับไปสู่สหรัฐฯกระทบให้เงินทุนผันผวน และทำให้บาทอ่อนค่าแตะระดับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ กระทบกับค่าครองชีพในประเทศได้อีกทอดหนึ่ง ขณะที่ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย มีโอกาสที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อประคองแรงกดดันเงินเฟ้อในอนาคต แต่อาจมองว่าเรายังไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือนสิงหาคม แต่อาจเว้นวรรคเพื่อรอความชัดเจนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและนโยบายทางการเมือง รวมทั้งประเมินผลกระทบจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงและความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ที่ยังมีอยู่ ก่อนจะปรับนโยบายทางการเงินในลำดับถัดไปในเดือนกันยายนสู่ระดับ 2.25%

“เรามองว่าการที่เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 จะฟื้นตัวได้ แบบค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งจะเห็นสัญญาณฟื้นตัวได้ชัดเจนในไตรมาส 4 ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าโอกาสของการฟื้นตัวน่าจะเป็นเชิงบวกที่ทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ 3.3% ตามคาด” ดร.อมรเทพ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คุมได้แล้ว! เพลิงไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร

สมุทรสาคร 7 ก.ค. – คุมได้แล้ว! ไฟไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร พบต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมัน หวั่นอาคารพังถล่ม หลังโหมไหม้รุนแรง ภาพจากมุมสูงจะเห็นอาคารที่เกิดเหตุมีขนาดใหญ่เนื้อที่ราวๆ 3-4 ไร่ ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ของบริษัทประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยาง เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถน้ำของ อบต.บ้านเกาะ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 20 คัน ฉีดน้ำสกัดเพลิงที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ จุดต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการผลิตภายในโรงงาน เนื่องจากมีเชื้อเพลิงไวไฟ ประกอบกับภายในมีสินค้าประเภทยางที่ผลิตแล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วจนอาคารเริ่มทรุดตัว มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงงาน 1 คน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 คน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ไฟยังดับไม่สนิท เนื่องจากภายในมีทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต วัตถุดิบไวไฟ และสินค้ายางยืดที่ผลิตเสร็จแล้วจำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงนำอุปกรณ์เข้าไปดับไฟด้านใน ทั้งนี้ ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยจากตัวอาคารที่อาจพังถล่มลงมาได้ เนื่องจากถูกไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงจนเสียหายเกือบทั้งหมด คนงานเล่าว่าเพลิงลุกที่ท่อส่งน้ำมันที่ส่งไปยังเครื่องจักร ซึ่งใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าประเภทยาง แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร […]

หนุ่มวัย 24 สารภาพผลักลูกเลี้ยงหัวฟาดพื้นดับ คุมทำแผนฯ

นนทบุรี 7 ก.ค. – ตำรวจคุมตัวพ่อเลี้ยงโหด ผลักลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ ล้มศีรษะฟาดพื้นเสียชีวิต ทำแผนฯ หลังเค้นสอบกว่า 6 ชั่วโมง จนยอมรับ อ้างโมโหเด็กส่งเสียงดังรบกวน ตำรวจ สภ.บางบัวทอง คุมตัวนายธนวัฒน์ อายุ 24 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพทำร้ายร่างกาย “น้องขงเบ้ง” อายุ 2 ขวบ 5 เดือน ลูกเลี้ยง จนเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมให้การว่า เด็กส่งเสียงดังรบกวนจึงเกิดความโมโหผลักจนล้ม ทำให้บริเวณท้ายทอยกระแทกกับพื้น กระทั่งแน่นิ่งไป เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 18.00-20.00 น. เมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ส่วนบาดแผลรอยจ้ำตามร่างกายและบาดแผลอื่นๆ นายธนวัฒน์ยังไม่รับสารภาพ ต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบอีกครั้ง แม่ของเด็ก อายุ 25 ปี เล่าว่า ตนออกไปทำงานทุกวัน เวลา 4 โมงเย็น […]

“บิ๊กเต่า” เผย “สีกา ก.” ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ เลือกเหยื่อรวย-เข้าถึงง่าย

7 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เรียกประชุมแบ่งภารกิจให้กองใต้สังกัด สืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพิ่ม เผยคืบหน้ากรณี “ทิดอาชว์” และนางสาว ก. เจ้าตัวยอมรับเลือกแต่คนรวย-เข้าถึงง่าย อ้างสำนึกผิด ยอมร่วมมือกับตำรวจ พร้อมจี้สำนักพุทธฯ ทำงานให้มากกว่านี้ เพื่อเรียกศรัทธาวงการสงฆ์กลับมา ความคืบหน้าในประเด็น อดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือ ทิดอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เจ้าคณะภาค 14-15 สายธรรมยุต มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนางสาว ก. จนถูกแบล็กเมล์รีดไถ่เงิน 7.3 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เรียกคณะทำงานเข้าประชุมวางแผนการทำงานในกรณีของทิดอาชว์และนางสาว ก. ซึ่งใช้เวลาประมาณกว่า 3 ชั่วโมง โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ออกมาเผยความคืบหน้าว่า วันนี้เป็นการเรียกประชุมกองงานต่าง ๆ เพื่อแบ่งสายงานมอบหมายภารกิจให้แต่ละกองไปสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลมาเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ทำการสอบสวนนางสาว ก. และได้ข้อมูลมามากพอสมควร […]

Cambodia strongly rejects Thailand’s baseless claim over Ta Krabei Temple

กัมพูชาโต้ไทยอ้างปราสาทตาควายอยู่ในไทย

พนมเปญ 7 ก.ค.- กัมพูชาคัดค้านอย่างหนักว่า ไทยอ้างโดยไร้มูลว่า ปราสาทตาควายอยู่ในดินแดนไทย และตำหนิไทยว่าห้ามชาวกัมพูชาคล้องผ้าขาวม้าขึ้นปราสาทตาควาย เว็บไซตขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า กระทรวงกลาโหมแห่งชาติของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์แสดงความคัดค้านอย่างหนักต่อการกล่าวอ้างอย่างไร้มูลและโอหังของสื่อไทย เจ้าหน้าที่ทหารไทย และพลเรือนชาวไทยบางกลุ่มที่ว่า ปราสาทตาควายตั้งอยู่ในดินแดนอธิปไตยของไทย แถลงการณ์ของกัมพูชาระบุว่า การกล่างอ้างดังกล่าวเป็นการบิดเบือนความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะไทยอ้างแผนที่ฝ่ายเดียวที่ไม่มีคุณค่าทางกฎหมายตามหลักการกฎหมายสากล กัมพูชายืนยันว่า ในทางภูมิศาสตร์แล้วปราสาทตาควายตั้งอยู่ในเทือกเขาดงรัก อำเภอบันเตียอัมปึล จังหวัดอุดรเมียนเจยหรืออุดรมีชัย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชา โดยเป็นไปตามกฎหมายที่ได้รับการรับรองจากสากล แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุว่า ทหารไทยห้ามนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาคล้องผ้ากรอมาหรือผ้าขาวม้าติดธงชาติกัมพูชาขึ้นปราสาทตาควาย แต่กลับอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยสวมเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับติดธงชาติไทย ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงทวิภาคีที่เคยตกลงกันไว้.-814.-สำนักข่าวไทย