บล.พาย เตือนเศรษฐกิจโลก อาจฉุดหุ้นไทยชะลอตัว

กรุงเทพฯ 1 มิ.ย. – นักวิเคราะห์ บล.พาย ชี้ผลโหวตเพดานหนี้สหรัฐ เป็นปัจจัยบวกระยะสั้น เตือนเศรษฐกิจสหรัฐที่ส่งสัญญาณชะลอตัว ฉุดตลาดหุ้นไทย มองหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังไปต่อได้


นายกวี ชูกิจเกษม Head of Research and Content   บล.พาย ให้สัมภาษณ์ในรายการนาทีลงทุน ทางช่อง 9 MCOT HD ถึงกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดให้หุ้น STARK  กลับมาซื้อขายชั่วคราว เป็นเวลา 1 เดือน  (1-30 มิ.ย.2566)  หลังขึ้นเครื่องหมาย SP ถูกสั่งห้ามซื้อขายครบ 3 เดือน เมื่อวานนี้ (31 พ.ค.) เนื่องจากไม่นำส่งงบการเงินประจำปี 2565  โดยคาดว่าจะนำส่งงบการเงินสอบทาน ได้ภายในวันที่ 16 มิ.ย.2566  โดยมองว่า ควรให้ความสำคัญกับการแจ้งเตือนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ให้ระมัดระวังการลุงทุนในหุ้นดังกล่าว  ควรพิจารณาถึงปัญหาที่เกิดขึ้นคืออย่างไร ความเสี่ยงในการลงทุนเป็นอย่างไร

ส่วนกรณีที่คณกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ต่อปี จากเดิมร้อยละ 1.75 เป็น ร้อยละ 2.00 ต่อปี นั้น มองว่าก่อนหน้านี้ตลาดคาดการณ์มาก่อนแล้วว่า กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทยอยขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อมีการปรับขึ้นตามคาด  ตลาดหุ้นก็จะเกิด Sell on Fact คือรับข่าวการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว หากหุ้นกลุ่มธนาคารจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ ต้องมีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามา ดังนั้น การเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคาร ด้วยปัจจัยเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเบาลง ซึ่งเมื่อดูจากตัวเลขเศรษฐกิจโลกที่เริ่มมีปัญหามากขึ้น การส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบ ขณะที่เงินเฟ้อเริ่มปรับลดลง ก็น่าจะทำให้ ธปท.หยุดขึ้นดอกเบี้ย  แต่โดยพื้นฐานหุ้นกลุ่มธนาคาร ยังได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย  ซึ่ง ธปท. ยังประเมินเศรษฐกิจขยายตัวในระดับ 3.6 -3.8% ถือว่าไม่น้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในเอเชีย ขณะที่การส่งออกเดือน เม.ย. 2566 แม้จะติดลบถึง 7% แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ติดลบตัวเลข 2 หลักกันทั้งหมด ดังนั้น มองว่า เศรษฐกิจไทยยังพอเดินหน้าต่อไปได้ ไม่น่ากังวล และหุ้นกลุ่มธนาคารยังได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ หากดัชนีปรับตัวลดลงก็เป็นโอกาสในการลงทุน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่


ส่วนเรื่องการโหวตเพดานหนี้สหรัฐ มองว่าเป็นปัจจัยบวกระยะสั้น  เพราะสุดท้ายแล้วผลโหวตจะต้องผ่าน เพียงแต่เป็นเรื่องการต่อรองผลประโยชน์ระหว่าง 2 พรรคใหญ่ในสหรัฐ แต่หลังจากนี้ ปัจจัยลบจริงๆ ที่ต้องระวังคือ เศรษฐกิจสหรัฐ ที่ตัวเลขหลายหมวดเริ่มสะท้อนการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และสะท้อนถึงการชะลอตัวเศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศด้วย  โดยเฉพาะตัวเลขส่งออกจากประเทศเอเชียไปสหรัฐลดลงทุกประเทศ แม้กระทั่ง จีน  สะท้อนว่าการบริโภคในสหรัฐเองก็เริ่มมีปัญหา ดังนั้นการลงทุนในตลาดหุ้น ยังต้องระมัดระวัง แม้ไทยมีการท่องเที่ยวมาช่วยพยุงเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล