ทำเนียบฯ 21 ก.พ. – ครม. ห้ามนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศหลังสิ้นปี 67 คุมเข้ม 2 ปีแรก หวังปลดล็อกไทยแหล่งรองรับขยะจากประเทศอื่น ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ราคาเศษพลาสติกในประเทศ
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบนโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติกตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เสนอ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและราคาเศษพลาสติกในประเทศ ป้องกันไม่ให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่รองรับเศษขยะจากประเทศอื่น มอบหมายให้กรมศุลกากร กรมการค้าต่างประเทศ และกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายดังกล่าว
โดยกำหนด เมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป ห้ามนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศกำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในประเทศ สำหรับการนำเข้าเศษพลาสติกในพื้นที่เขตปลอดอากร ช่วงปี 2566-2567 อนุญาตเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม 14 แห่งที่กำหนด ได้แก่โรงงานทั้งหมดที่ใช้เศษพลาสติกเป็นวัตถุดิบในการผลิตเพื่อส่งออกที่ตั้งอยู่ในเขตปลอดอากร นำเข้าไม่เกินความสามารถผลิตจริง รวม 372,994 ตันต่อปี
สำหรับปีที่ 1 (2566) ให้นำเข้าร้อยละ 100 ของความสามารถในการผลิตจริง, ปีที่ 2 (2567) ให้นำเข้าปริมาณไม่เกินร้อยละ 50 ของความสามารถผลิตจริง โดยการนำเข้าจะต้องมีมาตรการควบคุมดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อมิให้เกิดมลพิษในประเทศ เช่น เศษพลาสติกที่นำเข้าต้องแยกชนิดและไม่ปะปนกัน สามารถนาเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยไม่ต้องทำความสะอาด ต้องใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเพื่อส่งออกเท่านั้น เป็นต้น
สำหรับการนำเข้าเศษพลาสติกในพื้นที่ทั่วไป (ในช่วงปี 2566-2567) ให้นำเข้าเฉพาะกรณีที่ไม่มีเศษพลาสติกในประเทศหรือมีปริมาณไม่เพียงพอ กำหนดหลักเกณฑ์ เช่น ผู้ประกอบกิจการโรงงานต้องแสดงหลักฐานว่ามีความจำเป็นในการนำเข้าและไม่สามารถหาได้ในประเทศ, นำเข้าได้ในปริมาณที่สอดคล้องกับกำลังการผลิต, นำเข้ามาเพื่อเป็นวัตถุดิบเท่านั้น (ไม่รวมถึงการคัดแยกหรือย่อยพลาสติก), สามารถนำเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยไม่ต้องทำความสะอาด
“รัฐบาล มุ่งรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ จึงคุมเข้มการนำเข้าเศษพลาสติก ในช่วง 2 ปีแรก ( ปี 66- 67) ผ่านมาตรการกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก โดยควบคุมปริมาณนำเข้าให้สอดคล้องกับการรีไซเคิลขยะพลาสติกในประเทศ การป้องกันการลักลอบนำเข้า และควบคุมเอกชน ไม่ให้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การคัดแยกขยะที่เป็นระบบตั้งแต่ต้นทางเพื่อนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม” น.ส.ทิพานัน กล่าว.-สำนักข่าวไทย