“ศักดิ์สยาม” ติดตามเร่งรัดงานโครงสร้างพื้นฐาน จ.นครราชสีมา

กรุงเทพฯ 17 ก.พ. – “ศักดิ์สยาม” ลงพื้นที่ติดตามเร่งรัดโครงการพัฒนาเส้นทางคมนาคมและระบบขนส่งมวลชนใน จ.นครราชสีมา เผยเตรียมลุยแผนพัฒนารถไฟฟ้ารางเบา (LRT) ใน จ.นครราชสีมา จำนวน 3 เส้นทางด้วย


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วย นายชยธรรม์ พรหมศร และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ร่วมลงพื้นที่ ณ สำนักงานทางหลวงที่ 10 จังหวัดนครราชสีมา

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เร่งรัดผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการจราจร รองรับและเชื่อมโยงการเดินทางในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สนับสนุนการค้า การท่องเที่ยว สู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน กระทรวงฯ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามภารกิจดังกล่าว โดยได้เร่งรัดเปิดให้บริการโครงข่ายคมนาคม เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ ส่งเสริมภาคเกษตรกรรม สนับสนุนการกระจายรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ และสนับสนุนการค้า การท่องเที่ยว สู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ทุกโหมดการเดินทาง


เริ่มจากโครงการก่อสร้างทางแนวใหม่ ถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา ที่ดำเนินการแล้วเสร็จ คือ โครงการก่อสร้างสะพานลอยข้ามทางรถไฟ ตอน ป่าไผ่ – ปากช่อง ดำเนินการแล้วเสร็จ, โครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจร ทล.202 ตอน อำเภอสีดา – อำเภอบัวใหญ่

โครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจรที่ดำเนินการแล้วเสร็จ ทล.304 ช่วง อำเภอกบินทร์บุรี – อำเภอวังน้ำเขียว ตอน 3, โครงการก่อสร้างสะพานกลับรถ ทล.2 ที่ กม.43-44 (ขาเข้าและขาออก) รวมทางคู่ขนาน, โครงการปรับปรุงถนน ทล.2 นครราชสีมา – บรรจบทาง ทล.2067, โครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจร ทล.206 อำเภอพิมาย – บ.หินดาด, โครงการก่อสร้างสะพานลอยข้ามทางรถไฟ ทล.226 บริเวณทางเลี่ยงเมืองห้วยแถลง, โครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจร ทล.226 อำเภอเฉลิมพระเกียรติ – อำเภอจักราช – อำเภอห้วยแถลง, โครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจร ทล.205 อำเภอหนองบัวโคก – อำเภอพระทองคำ และโครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจร ทล.207 บ.วัด – อำเภอประทาย

โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 13 โครงการ ระยะทางรวม 285 กิโลเมตร ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางแนวใหม่ ทล.290 วงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา โครงการก่อสร้างสะพานลอยข้ามทางรถไฟ ทางหลวงหมายเลข 226 ตอน ทางเลี่ยงเมืองจักราช โครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจร ทล.202 อำเภอแก้งสนามนาง – อำเภอบัวใหญ่ โครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 290 กับทางหลวงหมายเลข 304 โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ทางหลวงหมายเลข M6 ตอน บางปะอิน – สระบุรี – นครราชสีมา โครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับเชื่อมทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน – นครราชสีมา กับทางหลวงชนบท หมายเลข นม.1120 (ถนนสุรนารี 2) โครงการทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 24 กับทางหลวงหมายเลข 224 (แยกโชคชัย) โครงการทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 224 ตัดกับ 290 โครงการเพิ่มช่องจราจรทางลอดจุดตัดทางหลวงหมายเลข 2 ตัดถนนช้างเผือก ตัดถนนสิริราชธานี (แยกประโดก) โครงการเพิ่มช่องจราจร ทล 290 บ.หนองยาง – บ.หมูสี โครงการเพิ่มช่องจราจร ทล.224 บ.โคกกรวด – บ.หนองสนวน โครงการบริหารจัดการลำดับชั้นทางหลวงฯ ทล.24 แยกปักธงชัย – แยกโชคชัย โครงการทางแยกต่างระดับ และทางลอดจุดตัดทางหลวงหมายเลข 2 ตัดทางหลวงหมายเลข 224 (แยกนครราชสีมา)


การพัฒนาโครงข่ายทางหลวงชนบท ดำเนินการแล้วเสร็จ อาทิ โครงการถนนสาย นม.1120 แยก ทล.2 – บ.โคกไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา (ตอนที่ 1), โครงการถนนสาย นม.1120 แยก ทล.2 – บ.โคกไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา (ตอนที่ 2), โครงการสะพานข้ามลำน้ำมูล อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา อยู่ระหว่างดำเนินการ ผลการก่อสร้าง 90.32%

แผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค MR-MAP เป็นโครงข่ายคมนาคมที่ประกอบด้วยถนนมอเตอร์เวย์และทางรถไฟร่วมกัน เน้นการศึกษาความเหมาะสมด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ และผลกระทบสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงผลกระทบการเวนคืนและการแบ่งแยกชุมชนเป็นหลัก โดยมีการจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคอื่นของประเทศไทย ให้สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ส่งเสริมการขนส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ดำเนินการศึกษาแผนแม่บทโครงการ MR-MAP แล้วเสร็จในปี 2564 และคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เห็นชอบในปี 2565 ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้แก่ กรมทางหลวง และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะดำเนินการสำรวจและออกแบบในรายโครงการต่อไป โดยมีเส้นทางที่ผ่านพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 2 เส้นทาง ได้แก่ MR2 : กรุงเทพ/ชลบุรี (แหลมฉบัง) – หนองคาย (ด่านหนองคาย) และ MR5 : กาญจนบุรี (ด่านเจดีย์สามองค์) – นครราชสีมา (สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 6)

การเชื่อมโยงระบบขนส่งสาธารณะ การเชื่อมโยงระบบคมนาคมจากสถานีขนส่งผู้โดยสารไปยังสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาได้จัดให้มีบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา มากกว่า 30 หน่วยงาน เพื่อร่วมแสดงเจตนารมณ์ รณรงค์ ป้องกัน และรับมือกับปัญหามลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา จึงได้ดำเนินโครงการเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของจังหวัด โดยการตั้งจุดตรวจวัดควันดำบนถนนสายหลักและสายรองในเขตจังหวัดนครราชสีมา ปฏิบัติงานแบบบูรณาการกับตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจัดกิจกรรมโครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และการจัดกิจกรรมตรวจสารเสพติดในปัสสาวะของผู้ขับรถ เพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัย

ขณะที่มิติทางราง มีแผนพัฒนารถไฟทางคู่ โครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน (2560-2564) ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น ระยะทาง 187 กิโลเมตร เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2562 ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร ช่วงที่ 1 อุโมงค์คู่ทางเดี่ยว ยาว 5.20 กิโลเมตร ช่วงที่ 2 อุโมงค์เดี่ยวทางคู่ ยาว 0.65 กิโลเมตร ช่วงที่ 3 อุโมงค์คู่ทางเดี่ยว ยาว 1.40 กิโลเมตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างระยะที่ 2 (2565-2569) และช่วงชุมทางถนนจิระ – อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กิโลเมตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขออนุมัติโครงการ

รวมทั้งมีแผนพัฒนารถไฟความเร็วสูง ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ระยะที่ 2 นครราชสีมา – หนองคาย ระยะทาง 356 กิโลเมตร ปัจจุบัน รฟท. ออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการพิจารณารายงาน EIA โดยมีแผนการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะระบบรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) ในจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 3 เส้นทาง ระยะทางรวม 50.09 กิโลเมตร ประกอบด้วย สายสีส้ม (แยกประโดก – ถนนช้างเผือก – คูเมืองเก่า) ระยะทาง 9.81 กิโลเมตร สายสีม่วง (ตลาดเซฟวัน – ถนนมิตรภาพ – บ้านนารีสวัสดิ์) ระยะทาง 7.14 กิโลเมตร และสายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน – ถนนมุขมนตรี – บ้านนารีสวัสดิ์) ระยะทาง 11.17 กิโลเมตร โดยสายสีเขียวจะเป็นโครงการนำร่อง โครงสร้างทางวิ่งระดับพื้นดิน (At Grade) มีสถานีทั้งหมด 21 สถานี จุดจอดแล้วจร 2 แห่ง ศูนย์ซ่อมบำรุง 1 แห่ง มีแผนนำเสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติให้ดำเนินโครงการ ภายในเดือนมิถุนายน 2567 ก่อสร้างปี 2568 และเปิดให้บริการปี 2571

มิติทางน้ำ กรมเจ้าท่าได้กำหนดนโยบายการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “พัฒนาแหล่งน้ำ สร้างอีสานเขียว ท่องเที่ยวปลอดภัย วิถีใหม่ชุมชน” โดยมอบหมายให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 7 และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขา ร่วมกับสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 8 เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ รวมถึงได้ดำเนินโครงการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำภายในประเทศ จังหวัดนครราชสีมา โครงการที่แล้วเสร็จในปี 2565 จำนวน 6 โครงการ ระยะทางการขุดลอกรวม 16.45 กิโลเมตร ได้แก่ โครงการขุดลอกลำทะเมนชัย ตำบลบ้านยาง อำเภอลำทะเมนชัย โครงการขุดลอกลำสะแทด หมู่ที่ 2 ตำบลโนนแดง อำเภอโนนแดง โครงการขุดลอกลำสะแทด หมู่ที่ 5 ตำบลทุ่งสว่าง อำเภอประทาย โครงการขุดลอกลำสะแทด หมู่ที่ 1 ตำบลละหานปลาค้าว อำเภอเมืองยาง โครงการขุดลอกแม่น้ำชี ตำบลแก้งสนามนาง อำเภอแก้งสนามนาง และโครงการขุดลอกลำน้ำแก่ง หมู่ที่ 3, 5 และ 9 ตำบลท่าหลวง อำเภอพิมาย ทั้งนี้ ยังได้ดำเนินโครงการอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ได้แก่ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพังแม่น้ำมูล บ้านหนองรี ตำบลท่าช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำชี หมู่ที่ 7 บ้านฤทธิ์รักษา ถึงหมู่ที่ 3 บ้านแก่งโก โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งในแม่น้ำมูล บ้านม่วง หมู่ที่ 7 ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย การจัดทำระบบเข้าถึงการอนุญาตสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ

มิติทางอากาศ ปัจจุบันขีดความสามารถของท่าอากาศยานนครราชสีมา มีทางวิ่งขนาด 45 x 2,100 เมตร สามารถรองรับอากาศยานขนาด 80-220 ที่นั่ง มีทางขับ 2 เส้น สามารถรองรับได้ 6 เที่ยวบิน/ชั่วโมง ลานจอดเครื่องบิน สามารถรองรับอากาศยานขนาด 180-220 ที่นั่ง ได้ 4 ลำพร้อมกัน อาคารที่พักผู้โดยสาร รองรับผู้โดยสารได้ 800,000 คน/ปี (300 คน/ชั่วโมง) ลานจอดรถยนต์ สามารถรองรับได้ 180 คัน และในปี 2565 ท่าอากาศยานมีจำนวนเที่ยวบิน 76 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 1,785 คน โดยกระทรวงฯ มีแผนการพัฒนาท่าอากาศยานนครราชสีมา ในปี 2567 โดยว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาและวิเคราะห์การดำเนินกิจการให้บริการซ่อมบำรุงอากาศยาน และคลังสินค้าในสังกัดกรมท่าอากาศยาน และแผนงานก่อสร้างลานกลับลำอากาศยาน ในพื้นที่ตำบลท่าช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 1 แห่ง

ทั้งนี้ เมื่อโครงการก่อสร้างต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา แล้วเสร็จสมบูรณ์ จะทำให้การเชื่อมต่อด้านคมนาคมขนส่งทุกโหมดการเดินทางได้อย่างไร้รอยต่อ เพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายการคมนาคมขนส่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถรองรับปริมาณการเดินทางและคมนาคมขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งกับภูมิภาคอื่นๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน นำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ต่อไป

นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ต้องมีการบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคประชาชนและภาคเอกชน เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิผลสูงสุด โดยต้องจัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ การดำเนินงานต้องคำนึงถึงปัจจัยการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ รวมทั้งเรื่อง Climate Change เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งต้องสร้างความเข้าใจด้านสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชนก่อนเริ่มดำเนินโครงการ โดยการดำเนินโครงการให้คำนึงถึงอัตลักษณ์ของความเป็นไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและท้องถิ่น ควบคุมดูแลการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานให้ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย และเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ โดยกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของโครงการ และมีมาตรการป้องกันอุบัติเหตุระหว่างการก่อสร้างอย่างเคร่งครัด สำหรับการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในจังหวัด ต้องคำนึงถึงหลัก สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ราคาเป็นธรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน […]

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]