เอกชนคาดการณ์ส่งออกข้าวไทยปีนี้ที่ 7.5 ล้านตัน

กรุงเทพฯ 15 ก.พ.-สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คาดการณ์แนวโน้มและทิศทางการส่งออกข้าวไทยในปีนี้จะส่งออกข้าวได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ไม่ต่ำกว่า 7.5 ล้านตัน เนื่องจากคาดว่าผลผลิตข้าวจะดี ขณะเดียวกัน ต้องติดตามนโยบายประชานิยมที่อาจจะมากระทบต่ออุตสาหกรรมข้าวไทย


ร้อยตำรวจโท เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทิศทางการส่งออกข้าวไทยเริ่มกลับมาเป็นปกติจากช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิดแล้ว จากปี 2563 ไทยส่งออกข้าวได้เพียง 5.7 ล้านตัน ปี 2564 ที่ 6.2 ล้านตัน และเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ ในปี 2565 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกข้าวได้กว่า 7.6 ล้านตัน มูลค่ากว่า 3,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผู้ส่งออกข้าว อันดับ 2 ของโลก รองจากอินเดีย ที่ส่งออกได้กว่า 22 ล้านตัน อันดับ 3 เวียดนาม กว่า 7.1 ล้านตัน และในปีนี้ผลผลิตข้าวน่าจะดี เนื่องจากปริมาณทั้งน้ำฝนและน้ำในเขื่อนมีมาก จึงได้ตั้งเป้าการส่งออกข้าวไทยที่ 7.5 ล้านตัน 

ส่วนนโยบายที่รัฐบาลใหม่ควรผลักดัน คือ การพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ข้าวใหม่ๆ ที่ตลาดต้องการ เพราะที่ผ่านมา ไทยยังขายข้าวชนิดเดิมมากว่า 30 ปีแล้ว เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน เพราะแต่ละปีไทยผลิตข้าวได้ถึงปีละ 20 ล้านตันข้าวสาร ใช้ในประเทศไม่เกิน 12 ล้านตัน ทำให้ปริมาณข้าวในประเทศแต่ละปีจะเหลือถึง 8 ล้านตัน ที่จะต้องส่งออก หากไม่สามารถระบายได้ ก็จะกลายเป็นสตอกเหลือค้าง ยิ่งทำให้ข้าวราคาตก แต่ถือว่ารัฐบาลปัจจุบันก็มีนโยบายในระยะยาวเข้ามาดำเนินการ 


ทั้งนี้ นโยบายประชานิยมที่แต่ละรัฐบาลเลือกมาใช้ ทั้งจำนำข้าว ประกันรายได้เกษตรกร จะต้องใช้งบประมาณมาช่วยชาวนาเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปัจจุบันใช้อยู่ประมาณปีละ 1 แสนล้านบาท ซึ่งหากรวมในช่วง 10 ปี จะสูงถึง 1 ล้านล้านบาท ที่หากนำมาใช้ในการพัฒนาพันธุ์ข้าว พัฒนาโรงงานผลิตปุ๋ย ระบบน้ำชลประทาน จะส่งผลดีต่อการส่งออกข้าวของไทยและประชาชน โดยเฉพาะชาวนาจะได้รับประโยชน์มากกว่าที่เป็นอยู่ ที่สำคัญที่สุดคือ นโยบายจะต้องไม่บิดเบือนตลาด ขณะเดียวกัน จะต้องดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวน เพราะการปรับขึ้นลงมีผลต่อการค้าขาย ซึ่งรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องเข้ามาดูแล โดยไม่จำเป็นจะต้องอ่อนค่าหรือแข็งค่า แต่ไม่ควรที่จะผันผวนเร็วเกินไป 

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า นโยบายที่ดำเนินการแล้วบิดเบือนกลไกตลาด จะเกิดปัญหาต่อภาคการส่งออกข้าวแน่นอน ส่วนการช่วยเหลือชาวนารูปแบบอื่น มองว่ายังสามารถดำเนินการได้ หรือแม้แต่การจ่ายเงินชดเชยรายได้ให้เกษตรกร ก็ยังพอรับได้ เพราะราคาซื้อขายข้าวยังเป็นไปตามกลไกตลาด แต่การรับจำนำข้าว ถือว่าบิดเบือนตลาดชัดเจน เห็นได้ชัดเจนในช่วงปีที่มีการเปิดรับจำนำข้าว การส่งออกข้าวไทยลดลงทันที จาก 10 ล้านต้น เหลือเพียง 5 ล้านตัน เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง