กรุงเทพฯ 5 ม.ค.-อธิบดีกรมบัญชีกลาง ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้ติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของส่วนราชการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนดให้การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในภาพรวมไม่น้อยกว่าร้อยละ 93 การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำไม่น้อยกว่าร้อยละ 98 การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 และการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายภาพรวม รายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน ร้อยละ 100 โดยกรมบัญชีกลางแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจในการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในส่วนกลางและสำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด เพื่อเร่งรัดและสนับสนุนการดำเนินงาน พร้อมทั้งให้คำแนะนำหน่วยรับงบประมาณทุกแห่ง ให้สามารถดำเนินการเบิกจ่ายได้ตามแผนการใช้จ่ายเงิน
สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไตรมาสที่ 1 (ต.ค-ธ.ค.65) ภาพรวมเบิกจ่ายแล้ว 982,208 ล้านบาท คิดเป็น 30.84% ของวงเงินงบประมาณ 3,185,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.16% (เป้าหมาย 32.00%) จำแนกเป็นรายจ่ายประจำเบิกจ่ายแล้ว 858,759 ล้านบาท คิดเป็น 34.07% ของวงเงินงบประมาณ 2,520,767 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 0.93% (เป้าหมาย 35.00%) รายจ่ายลงทุนเบิกจ่ายแล้ว 123,449 ล้านบาท คิดเป็น 18.59% ของวงเงินงบประมาณ 664,233 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 0.41% (เป้าหมาย 19.00%) สำหรับเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีเบิกจ่ายแล้ว 58,931 ล้านบาท คิดเป็น 30.96% ของวงเงินงบประมาณ 190,358 ล้านบาท
ขณะนี้กรมบัญชีกลางได้แจ้งเวียนมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงิน เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยรับงบประมาณดำเนินการเพื่อให้การเบิกจ่ายและการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐอื่น เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางได้ประชาสัมพันธ์ลำดับผลการเบิกจ่ายและการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่เว็บไซต์กรมบัญชีกลาง www.cgd.go.th หัวข้อ ข้อมูลสถิติ โดยปรับปรุงข้อมูลทุกสัปดาห์ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายและการใช้จ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ.-สำนักข่าวไทย