19 ธ.ค. – EXIM BANK สานพลังทีมไทยแลนด์และพันธมิตรในญี่ปุ่น ส่งเสริมการค้าการลงทุนไทย-ญี่ปุ่น ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG ในเอเชีย-แปซิฟิก
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ประกาศจุดยืน “กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย” โดยมุ่งสู่การเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (Thailand Development Bank) เดินหน้าภารกิจ “ซ่อม สร้าง เสริม สานพลัง” การพัฒนาอย่างยั่งยืน กรณีตัวอย่างของบทบาท EXIM BANK ที่ “กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย” ได้แก่ การสนับสนุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในญี่ปุ่น
พลังงานหมุนเวียนเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่ไทยมีศักยภาพและเข้าไปลงทุนจำนวนไม่น้อยในหลายประเทศ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น ซึ่งมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในระดับสูง อย่างไรก็ตาม Pain Points ของโครงการพลังงานหมุนเวียนในญี่ปุ่น คือ การที่สถาบันการเงินในญี่ปุ่นไม่ปล่อยกู้ในช่วง Early Stage เช่น ระหว่างก่อสร้างโครงการ แต่จะให้สินเชื่อภายหลังโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จและดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วเท่านั้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยที่สนใจลงทุนในญี่ปุ่นประสบปัญหาขาดสภาพคล่องในระหว่างก่อสร้าง EXIM BANK จึงเข้าไปมีบทบาทรับความเสี่ยง ปิดช่องว่างทางการเงินให้กับโครงการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในญี่ปุ่น ด้วยการพัฒนาเครื่องมือทางการเงิน คือ Bridging Loan (สะพานเชื่อมโยงให้โครงการไปต่อได้ ก่อนที่โครงการจะได้เงินกู้ระยะยาวจากญี่ปุ่น)
•ช่วง Early Stage (ก่อสร้างโครงการ) : EXIM BANK เข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่สนใจไปลงทุน โดยให้เงินกู้ระยะสั้น 2-3 ปี
•ช่วงดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) : สถาบันการเงินในญี่ปุ่นรับลูกต่อ โดยสนับสนุนเงินกู้ระยะยาวแก่โครงการ
•EXIM BANK ปล่อยสินเชื่อผ่านบริษัทแม่ในไทย โดยกำหนดเงื่อนไขการเบิกจ่ายเพื่อใช้ในโครงการ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา EXIM BANK สามารถสนับสนุนให้เกิดการลงทุนโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นแล้ว 25 โครงการ กำลังการผลิตรวมกว่า 202 เมกะวัตต์ (MW) วงเงินกู้รวมกว่า 12,000 ล้านบาท โดยสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนและโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy)
เมื่อเร็ว ๆ นี้ EXIM BANK นำโดย ดร.พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการ EXIM BANK พร้อมด้วยกรรมการ EXIM BANK และ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานคณะอนุกรรมการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ สาขาสถาบันการเงิน (SubPAC) ผู้บริหารสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ (Institute of Research and Development for Public Enterprises : IRDP) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สนับสนุนภารกิจ EXIM BANK ในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ได้ไปเยี่ยมชมโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) ในกลุ่มบางจาก คอร์ปอเรชั่น กำลังการผลิตตามสัญญา 20 MW ในจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีนางเสาวภาพ สุเมฆศรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) ให้การต้อนรับและนำชมโครงการ
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า EXIM BANK ให้การสนับสนุน BCPG มาตั้งแต่ปี 2563 วงเงินกู้รวมกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้นักธุรกิจไทยที่มีศักยภาพสามารถขยายการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของโลกและการพัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประชาคมโลก ทั้งนี้ BCPG เป็นกลุ่มนักลงทุนไทยที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนด้านพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ กำลังการผลิตรวมกว่า 390 MW และมีโครงการอยู่ในแผนงานอีกกว่า 700 MW
“ด้วยวิสัยทัศน์ของ EXIM BANK ที่จะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนของไทยให้เติบโตในเวทีโลกอย่างยั่งยืน EXIM BANK จึงกล้าที่จะก้าวนำและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ทางการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะในธุรกิจ GDH (Green, Digital, Health) ตามเทรนด์โลกยุค Next Normal ปลดล็อกทุกข้อจำกัดเพื่อเติมเต็มช่องว่างทางความรู้ โอกาส และเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการไทย ดังเช่นการพัฒนาโมเดลการสนับสนุนเงินทุนให้แก่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของคนไทยในญี่ปุ่น สร้างผลกระทบในเชิงบวกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของโลกในเวลาเดียวกัน” ดร.รักษ์ กล่าว
นอกจากนี้ EXIM BANK และผู้บริหารหน่วยงานที่สนับสนุนภารกิจ EXIM BANK ในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ยังได้พบปะหารือและขยายความสัมพันธ์กับหน่วยงานพันธมิตรจากภาครัฐและภาคเอกชนในญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมโอกาสใหม่ ๆ ให้แก่ภาคธุรกิจไทยในการขยายการค้าและการลงทุนกับญี่ปุ่นในภูมิภาคเอเชีย ในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของไทย ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก (รองจากสหรัฐฯ และจีน) เป็นนักลงทุนต่างชาติอันดับ 1 ในไทย โดยส่วนใหญ่อยู่ในภาคการผลิต อาทิ เครื่องจักร ยานยนต์ เหล็กและผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ญี่ปุ่นอยู่ใน 10 อันดับแรกที่นักธุรกิจไทยสนใจไปลงทุน อาทิ โรงแรม อาหาร เสื้อผ้า สปา โทรคมนาคม ก่อสร้าง และพลังงานทดแทน เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 2 ของไทย (รองจากจีน) ซึ่ง 80% ของสินค้านำเข้าจากไทยเป็นสินค้าอุตสาหกรรม ส่วนไทยนิยมนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบมูลค่าสูงจากญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 การส่งออกของไทยไปญี่ปุ่นขยายตัวเพียง 0.9% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในญี่ปุ่นอยู่ระหว่างค่อย ๆ ฟื้นตัว เป้าหมายภารกิจของ EXIM BANK ในครั้งนี้ จึงได้แก่ การสานพลังหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนไทย ร่วมกับทีมประเทศไทย เพื่อเสริมและยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพของญี่ปุ่นที่เป็นต้นแบบด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและนวัตกรรมถ่ายทอดสู่ภาคอุตสาหกรรมของไทย โดยเฉพาะธุรกิจที่เชื่อมโยงกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) ตามนโยบายของรัฐบาลไทย
•บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศญี่ปุ่น ระหว่าง EXIM BANK กับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) อาทิ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อต่อยอดไปสู่การขยายการค้าการลงทุนไทย-ญี่ปุ่นและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เชื่อมโยงสู่การพัฒนาพลังงานสะอาดภายใต้โมเดล BCG Economy โดยต่อยอดจากจุดแข็งของประเทศไทยด้านความหลากหลายทางชีวภาพและทางวัฒนธรรม สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
•ภาคผนวกบันทึกความเข้าใจ (Addendum) ระหว่าง EXIM BANK กับองค์กรรับประกันการส่งออกและลงทุนแห่งประเทศญี่ปุ่น (Nippon Export and Investment Insurance : NEXI) เพิ่มเติมจาก MOU ระหว่างทั้งสองหน่วยงานที่ลงนามไว้เมื่อปี 2563 ทั้งนี้ EXIM BANK และ NEXI จะแลกเปลี่ยนข้อมูลและดำเนินกิจกรรมร่วมกันเพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นมีความรู้ความเข้าใจด้านเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ สามารถเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจระหว่างประเทศได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ อาทิ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกของไทย โดยปี 2566 EXIM BANK จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมองค์กรรับประกันการส่งออกของรัฐระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Regional Cooperation Group CEO Meeting) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในการพัฒนาและขยายบริการประกันการส่งออกและลงทุนแก่ภาคธุรกิจในประเทศต่าง ๆ
นอกจากนี้ ยังได้พบปะหารือกับหน่วยงานพันธมิตรของ EXIM BANK จากภาครัฐและภาคเอกชนในญี่ปุ่น อาทิ เข้าเยี่ยมคารวะและพบปะหารือกับนายสิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว เพื่อแนะนำยุทธศาสตร์และบทบาทใหม่ของ EXIM BANK ในฐานะธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย และแนวทางส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับญี่ปุ่น และภายใต้กรอบข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ อาทิ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (AJCEP) ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) รวมทั้งยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว พบปะหารือกับนายซาโตรุ โซเมยะ กรรมการผู้จัดการ TradeWaltz Inc. ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการค้าระหว่างประเทศ และนายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เกี่ยวกับแนวทางพัฒนาและเชื่อมโยงข้อมูลด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยกับญี่ปุ่น เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการมีข้อมูลสำหรับตัดสินใจและค้นหาคู่ค้า ลดต้นทุนและความยุ่งยากในการจัดเก็บเอกสาร โดย TradeWaltz อยู่ระหว่างต่อเชื่อมระบบกับแพลตฟอร์มกลางด้านการค้าของนานาประเทศรวมทั้งประเทศไทย เพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจเข้าถึงแหล่งสินค้าหรือวัตถุดิบได้รวดเร็ว พบปะหารือกับนายเคอิชิโระ นากาซาวา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และแปซิฟิก และฝ่ายการเงินพันธมิตรภาคเอกชน องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุน (JICA) เกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับญี่ปุ่น รวมทั้งการลงทุนภายใต้ ACMECS โดยเฉพาะโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานและ BCG และคณะผู้บริหาร MUFG Bank Ltd. และนายประกอบ เพียรเจริญ กรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารในเครือของ MUFG Group เพื่อหารือกรอบความร่วมมือและแลกเปลี่ยนมุมมองการดำเนินธุรกิจตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ MUFG Bank Ltd. ถือเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่เป็นพันธมิตรและคู่ค้าที่สำคัญของ EXIM BANK ที่จะช่วยสนับสนุนบทบาทของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย เชื่อมโยงการพัฒนาในมิติเศรษฐกิจกับสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของ EXIM BANK
“EXIM BANK ในบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทยเดินหน้าสานพลังพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อแสวงหาโอกาสและเครื่องมือใหม่ ๆ ในการพัฒนาและยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในเวทีโลก โดยมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG และจับมือกับญี่ปุ่นพัฒนาเศรษฐกิจในระดับอนุภุมิภาค ในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนและคู่ค้าสำคัญที่เป็นต้นแบบการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและการสนับสนุนธุรกิจภายในประเทศตลอด Supply Chain เชื่อมโยงกับ Supply Chain ของโลก” ดร.รักษ์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย