EXIM BANK สานพลังทีมไทยแลนด์และพันธมิตรในญี่ปุ่น ส่งเสริมการค้าการลงทุนไทย-ญี่ปุ่น

19 ธ.ค. – EXIM BANK สานพลังทีมไทยแลนด์และพันธมิตรในญี่ปุ่น ส่งเสริมการค้าการลงทุนไทย-ญี่ปุ่น ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG ในเอเชีย-แปซิฟิก


ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ประกาศจุดยืน “กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย” โดยมุ่งสู่การเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (Thailand Development Bank) เดินหน้าภารกิจ “ซ่อม สร้าง เสริม สานพลัง” การพัฒนาอย่างยั่งยืน กรณีตัวอย่างของบทบาท EXIM BANK ที่ “กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย” ได้แก่ การสนับสนุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในญี่ปุ่น

พลังงานหมุนเวียนเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่ไทยมีศักยภาพและเข้าไปลงทุนจำนวนไม่น้อยในหลายประเทศ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น ซึ่งมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในระดับสูง อย่างไรก็ตาม Pain Points ของโครงการพลังงานหมุนเวียนในญี่ปุ่น คือ การที่สถาบันการเงินในญี่ปุ่นไม่ปล่อยกู้ในช่วง Early Stage เช่น ระหว่างก่อสร้างโครงการ แต่จะให้สินเชื่อภายหลังโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จและดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วเท่านั้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยที่สนใจลงทุนในญี่ปุ่นประสบปัญหาขาดสภาพคล่องในระหว่างก่อสร้าง EXIM BANK จึงเข้าไปมีบทบาทรับความเสี่ยง ปิดช่องว่างทางการเงินให้กับโครงการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในญี่ปุ่น ด้วยการพัฒนาเครื่องมือทางการเงิน คือ Bridging Loan (สะพานเชื่อมโยงให้โครงการไปต่อได้ ก่อนที่โครงการจะได้เงินกู้ระยะยาวจากญี่ปุ่น)
•ช่วง Early Stage (ก่อสร้างโครงการ) : EXIM BANK เข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่สนใจไปลงทุน โดยให้เงินกู้ระยะสั้น 2-3 ปี
•ช่วงดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) : สถาบันการเงินในญี่ปุ่นรับลูกต่อ โดยสนับสนุนเงินกู้ระยะยาวแก่โครงการ
•EXIM BANK ปล่อยสินเชื่อผ่านบริษัทแม่ในไทย โดยกำหนดเงื่อนไขการเบิกจ่ายเพื่อใช้ในโครงการ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา EXIM BANK สามารถสนับสนุนให้เกิดการลงทุนโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นแล้ว 25 โครงการ กำลังการผลิตรวมกว่า 202 เมกะวัตต์ (MW) วงเงินกู้รวมกว่า 12,000 ล้านบาท โดยสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนและโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy)


เมื่อเร็ว ๆ นี้ EXIM BANK นำโดย ดร.พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการ EXIM BANK พร้อมด้วยกรรมการ EXIM BANK และ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานคณะอนุกรรมการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ สาขาสถาบันการเงิน (SubPAC) ผู้บริหารสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ (Institute of Research and Development for Public Enterprises : IRDP) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สนับสนุนภารกิจ EXIM BANK ในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ได้ไปเยี่ยมชมโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) ในกลุ่มบางจาก คอร์ปอเรชั่น กำลังการผลิตตามสัญญา 20 MW ในจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีนางเสาวภาพ สุเมฆศรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) ให้การต้อนรับและนำชมโครงการ

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า EXIM BANK ให้การสนับสนุน BCPG มาตั้งแต่ปี 2563 วงเงินกู้รวมกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้นักธุรกิจไทยที่มีศักยภาพสามารถขยายการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของโลกและการพัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประชาคมโลก ทั้งนี้ BCPG เป็นกลุ่มนักลงทุนไทยที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนด้านพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ กำลังการผลิตรวมกว่า 390 MW และมีโครงการอยู่ในแผนงานอีกกว่า 700 MW

“ด้วยวิสัยทัศน์ของ EXIM BANK ที่จะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนของไทยให้เติบโตในเวทีโลกอย่างยั่งยืน EXIM BANK จึงกล้าที่จะก้าวนำและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ทางการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะในธุรกิจ GDH (Green, Digital, Health) ตามเทรนด์โลกยุค Next Normal ปลดล็อกทุกข้อจำกัดเพื่อเติมเต็มช่องว่างทางความรู้ โอกาส และเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการไทย ดังเช่นการพัฒนาโมเดลการสนับสนุนเงินทุนให้แก่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของคนไทยในญี่ปุ่น สร้างผลกระทบในเชิงบวกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของโลกในเวลาเดียวกัน” ดร.รักษ์ กล่าว


นอกจากนี้ EXIM BANK และผู้บริหารหน่วยงานที่สนับสนุนภารกิจ EXIM BANK ในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ยังได้พบปะหารือและขยายความสัมพันธ์กับหน่วยงานพันธมิตรจากภาครัฐและภาคเอกชนในญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมโอกาสใหม่ ๆ ให้แก่ภาคธุรกิจไทยในการขยายการค้าและการลงทุนกับญี่ปุ่นในภูมิภาคเอเชีย ในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของไทย ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก (รองจากสหรัฐฯ และจีน) เป็นนักลงทุนต่างชาติอันดับ 1 ในไทย โดยส่วนใหญ่อยู่ในภาคการผลิต อาทิ เครื่องจักร ยานยนต์ เหล็กและผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ญี่ปุ่นอยู่ใน 10 อันดับแรกที่นักธุรกิจไทยสนใจไปลงทุน อาทิ โรงแรม อาหาร เสื้อผ้า สปา โทรคมนาคม ก่อสร้าง และพลังงานทดแทน เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 2 ของไทย (รองจากจีน) ซึ่ง 80% ของสินค้านำเข้าจากไทยเป็นสินค้าอุตสาหกรรม ส่วนไทยนิยมนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบมูลค่าสูงจากญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 การส่งออกของไทยไปญี่ปุ่นขยายตัวเพียง 0.9% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในญี่ปุ่นอยู่ระหว่างค่อย ๆ ฟื้นตัว เป้าหมายภารกิจของ EXIM BANK ในครั้งนี้ จึงได้แก่ การสานพลังหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนไทย ร่วมกับทีมประเทศไทย เพื่อเสริมและยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพของญี่ปุ่นที่เป็นต้นแบบด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและนวัตกรรมถ่ายทอดสู่ภาคอุตสาหกรรมของไทย โดยเฉพาะธุรกิจที่เชื่อมโยงกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) ตามนโยบายของรัฐบาลไทย

•บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศญี่ปุ่น ระหว่าง EXIM BANK กับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) อาทิ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อต่อยอดไปสู่การขยายการค้าการลงทุนไทย-ญี่ปุ่นและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เชื่อมโยงสู่การพัฒนาพลังงานสะอาดภายใต้โมเดล BCG Economy โดยต่อยอดจากจุดแข็งของประเทศไทยด้านความหลากหลายทางชีวภาพและทางวัฒนธรรม สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

•ภาคผนวกบันทึกความเข้าใจ (Addendum) ระหว่าง EXIM BANK กับองค์กรรับประกันการส่งออกและลงทุนแห่งประเทศญี่ปุ่น (Nippon Export and Investment Insurance : NEXI) เพิ่มเติมจาก MOU ระหว่างทั้งสองหน่วยงานที่ลงนามไว้เมื่อปี 2563 ทั้งนี้ EXIM BANK และ NEXI จะแลกเปลี่ยนข้อมูลและดำเนินกิจกรรมร่วมกันเพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นมีความรู้ความเข้าใจด้านเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ สามารถเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจระหว่างประเทศได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ อาทิ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกของไทย โดยปี 2566 EXIM BANK จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมองค์กรรับประกันการส่งออกของรัฐระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Regional Cooperation Group CEO Meeting) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในการพัฒนาและขยายบริการประกันการส่งออกและลงทุนแก่ภาคธุรกิจในประเทศต่าง ๆ

นอกจากนี้ ยังได้พบปะหารือกับหน่วยงานพันธมิตรของ EXIM BANK จากภาครัฐและภาคเอกชนในญี่ปุ่น อาทิ เข้าเยี่ยมคารวะและพบปะหารือกับนายสิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว เพื่อแนะนำยุทธศาสตร์และบทบาทใหม่ของ EXIM BANK ในฐานะธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย และแนวทางส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับญี่ปุ่น และภายใต้กรอบข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ อาทิ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (AJCEP) ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) รวมทั้งยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว พบปะหารือกับนายซาโตรุ โซเมยะ กรรมการผู้จัดการ TradeWaltz Inc. ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการค้าระหว่างประเทศ และนายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เกี่ยวกับแนวทางพัฒนาและเชื่อมโยงข้อมูลด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยกับญี่ปุ่น เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการมีข้อมูลสำหรับตัดสินใจและค้นหาคู่ค้า ลดต้นทุนและความยุ่งยากในการจัดเก็บเอกสาร โดย TradeWaltz อยู่ระหว่างต่อเชื่อมระบบกับแพลตฟอร์มกลางด้านการค้าของนานาประเทศรวมทั้งประเทศไทย เพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจเข้าถึงแหล่งสินค้าหรือวัตถุดิบได้รวดเร็ว พบปะหารือกับนายเคอิชิโระ นากาซาวา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และแปซิฟิก และฝ่ายการเงินพันธมิตรภาคเอกชน องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุน (JICA) เกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับญี่ปุ่น รวมทั้งการลงทุนภายใต้ ACMECS โดยเฉพาะโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานและ BCG และคณะผู้บริหาร MUFG Bank Ltd. และนายประกอบ เพียรเจริญ กรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารในเครือของ MUFG Group เพื่อหารือกรอบความร่วมมือและแลกเปลี่ยนมุมมองการดำเนินธุรกิจตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ MUFG Bank Ltd. ถือเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่เป็นพันธมิตรและคู่ค้าที่สำคัญของ EXIM BANK ที่จะช่วยสนับสนุนบทบาทของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย เชื่อมโยงการพัฒนาในมิติเศรษฐกิจกับสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของ EXIM BANK

“EXIM BANK ในบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทยเดินหน้าสานพลังพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อแสวงหาโอกาสและเครื่องมือใหม่ ๆ ในการพัฒนาและยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในเวทีโลก โดยมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG และจับมือกับญี่ปุ่นพัฒนาเศรษฐกิจในระดับอนุภุมิภาค ในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนและคู่ค้าสำคัญที่เป็นต้นแบบการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและการสนับสนุนธุรกิจภายในประเทศตลอด Supply Chain เชื่อมโยงกับ Supply Chain ของโลก” ดร.รักษ์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” ปมร้องเรียนทุจริตเงินวัด-พัวพัน 3 สีกา

19 ก.ย. – สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” และเดินทางออกจากวัดทันที หลังก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับทุจริตเงินวัด และพัวพัน 3 สีกา เป็นภาพเอกสารที่พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ส่งไปยังเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงกรณีของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พร้อมแนบภาพถ่ายการลาสิกขาของผู้ช่วยเจ้าอาวาส เอกสารระบุข้อความว่า “ตามที่มีประเด็นปรากฏในสื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ทางวัดหัวลำโพง ขอชี้แจงตามประเด็นดังต่อไปนี้ 1.กรณีพฤติกรรมชู้สาวของพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนบุคคล2.กรณียักยอกงินวัดนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่า ยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากหน้าที่ของพระครูปริยัติวัฒนกิจ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานวัดหัวลำโพง มีหน้าที่ประสานงานกับเจ้าภาพที่มาติดต่อเกี่ยวกับการจองศาลาบำเพ็ญกุศล อีกทั้งฌาปนสถานวัดหัวลำโพง ประกอบด้วยกรรมการบริหารจำนวน 5 รูป โดยมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน และมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายในส่วนฌาปนสถานของวัดมาโดยตลอด 3.กรณีลาสิกขา ทางพระครูปริยัติวัฒนกิจ แจ้งความประสงค์ลาสิกขาด้วยความสมัครใจ เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของวัด และศรัทธาของสาธุชน โดยลาสิกขา 18 ก.ย. 2568 เวลา 19.10 น. และเดินทางออกจากวัดทันที ย้อนดูคำชี้แจง “อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ”ย้อนดูคำชี้แจงจากปากของอดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ ก่อนหน้านี้ที่ทีมข่าวได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเรื่องทุจริตเงินวัด อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ บอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเอง […]

เบื้องหลังละครกัมพูชา

สระแก้ว 19 ก.ย. – ชาวกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ยังไม่รามือ หลังพบความพยายามรวบรวมฝูงชนจากพื้นที่อื่น เข้ามาสร้างสถานการณ์ยึดดินแดนไทย อาจมีเบื้องหลังเป็นข้าราชการกัมพูชา-นายทุนต่างชาติ.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย