EXIM BANK แนะ SME เปิดตลาดการค้าและลงทุนในเวียดนาม ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน/ซื้อประกันการส่งออก

28 พ.ย. – ปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจไทยเริ่มบีบให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่เน้นการค้าขายในประเทศต้องกลับมามองว่าจะทำอย่างไร เพราะในอนาคตตลาดในประเทศจะเล็กลง เนื่องจากไทยได้ใกล้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ และหนี้ครัวเรือนในระดับสูงบั่นทอนกำลังซื้อในประเทศให้ขยายตัวต่ำ ผู้ประกอบการจึงต้องหาทางขยายการส่งออกรวมทั้งย้ายฐานการลงทุนไปในประเทศที่สามารถหาแรงงานได้ง่ายและราคาถูก มีต้นทุนวัตถุดิบต่ำ อีกทั้งมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นับเป็นดาวรุ่งที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง


ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ได้จับมือเวียดคอมแบงก์ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเวียดนามนำเข้าสินค้าหรือบริการของไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงสนับสนุนนักลงทุนไทยในเวียดนามให้มีวงเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเพื่อขยายการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-เวียดนาม โดยคาดว่าจะเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนไทย-เวียดนาม ได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ในปี 2566 และเติบโต 10% ต่อปีในระยะถัดไป นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายเหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามสัญญาสนับสนุนการค้าและการลงทุน ระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และเวียดคอมแบงก์ (Vietcombank) โดยมี ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายเหวียน แทงห์ ตุ่ง รักษาการกรรมการผู้จัดการ เวียดคอมแบงก์ เป็นผู้ลงนาม ณ ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสที่ประธานาธิบดี เหวียน ซวน ฟุก เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเปค


โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมแสดงความยินดีกับความร่วมมือครั้งนี้ระหว่าง EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังที่มีภารกิจส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออกและการลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศกับเวียดคอมแบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารของรัฐแห่งแรกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการให้บริการสินเชื่อเพื่อการส่งออกและนำเข้าและธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ ความร่วมมือครั้งนี้ ครอบคลุมการให้วงเงินสินเชื่อระหว่างกัน (Reciprocal Credit Lines) แนะนำผู้ประกอบการระหว่างกัน (Customer Referrals) ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ อาทิ การเป็นตัวแทนรับหลักประกัน (Security Agent) การเป็นตัวแทนในการเบิกจ่ายเงินกู้ (Disbursement Agent) เป็นการสนับสนุนบริการครบวงจรทั้งทางการเงินและไม่ใช่การเงินสำหรับผู้ประกอบการไทย-เวียดนาม เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเวียดนามนำเข้าสินค้าหรือบริการจากไทยและผลักดันให้เกิดโครงการลงทุนหรือร่วมทุนระหว่างไทยกับเวียดนามเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะทำให้มูลค่าการค้าและการลงทุนไทย-เวียดนาม เพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท ในปี 2566 และเติบโต 10% ต่อปีในระยะถัดไป

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า EXIM BANK สานพลังกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการทำงานร่วมกับทีมประเทศไทย ภายใต้บทบาทของ EXIM BANK ในการเป็น “ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย” เดินหน้าสร้างนักรบเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในเวทีโลก โดยมองเห็นศักยภาพของเวียดนาม หนึ่งในตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูงด้วยจำนวนประชากรเกือบ 100 ล้านคน มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2566 จะเติบโตถึง 6.2% และเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 6.6% ต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้า ขณะที่รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายส่งเสริมการค้าเสรีและการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเวียดนามมีความตกลงการค้าเสรี (FTAs) มากที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายของนักลงทุนทั่วโลก สะท้อนจากเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสุทธิ (FDI Net Inflow) ที่ไหลเข้าเวียดนามขยายตัวเฉลี่ย 7.9% ต่อปีในปี 2555-2564 เทียบกับ FDI โลกที่ขยายตัวเพียง 3.3% ผู้ประกอบการไทยจึงมีโอกาสอีกมากที่จะขยายธุรกิจการค้าและการลงทุนเข้าไปยังตลาดเวียดนาม

ในปี 2564 มูลค่าการค้าระหว่างไทย-เวียดนามสูงราว 620,000 ล้านบาท นับเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 2 ของไทยในอาเซียน รองจากมาเลเซีย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เวียดนามก้าวขึ้นมาเป็นตลาดที่มีบทบาทต่อการส่งออกของไทยอย่างมาก มูลค่าส่งออกจากไทยไปเวียดนามเติบโตเกือบเท่าตัว ด้านการลงทุน ไทยเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 8 ในเวียดนาม ด้วยมูลค่าลงทุนสะสมราว 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 470,000 ล้านบาท การลงทุนของไทยในเวียดนามกระจายอยู่ในหลากหลายธุรกิจ อาทิ นิคมอุตสาหกรรม พลังงาน อาหารแปรรูป ปิโตรเคมี และบรรจุภัณฑ์


นอกจากนี้ ในงานสัมมนา “Vietnam in Focus 2022 : The Dream Journey” จัดโดย EXIM BANK เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักธุรกิจไทยชั้นนำได้บอกเล่าถึงศักยภาพของตลาดเวียดนามที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย อาทิ นายยงยุทธ เสฏฐวิวรรธน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการบริหารการเงินกลุ่มและศูนย์บริการร่วมทางการเงิน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้าไปลงทุนในเวียดนามตั้งแต่ปี 2551 เป็นการร่วมลงทุนกับบริษัทที่มีชื่อเสียงในเวียดนามที่เป็นผู้ส่งออกวัตถุดิบให้กับบริษัทอยู่แล้วในสัดส่วน 50% โดยมองว่าเวียดนามเป็นประเทศที่เหมาะสมมากในการเป็นฐานการผลิตอาหารทะเลเพราะมีชายทะเลยาวมาก มีวัตถุดิบตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ แต่บริษัทก็เริ่มซื้อหุ้นคืนในปี 2559 ก็ถือหุ้น 100% การจะลงทุนในเวียดนามหากเลือกคนถูกและมีพันธมิตรที่ดีก็จะช่วยให้เติบโตได้เร็วเพราะผู้ร่วมทุนจะช่วยสนับสนุนด้านกฎหมาย กฎระเบียบการค้าการลงทุนและช่วยเหลือด้านการตลาดในประเทศได้มาก

ขณะที่นายชยุต ตุลยนิติกุล รองประธานฝ่ายบริหาร บริษัท กนกโปรดักส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าระบบรดน้ำต้นไม้ เล่าถึงประสบการณ์ในเวียดนามว่า เข้าสู่ตลาดประมาณ 6 ปีแล้ว เริ่มจากการไปออกบูทเพื่อโปรโมทสินค้าและได้รับการตอบรับดีได้รับการติดต่อจากผู้นำเข้าในเวียดนามพาไปสำรวจตลาดซึ่งพบว่าเวียดนามเหมือนไทยตรงที่เป็นประเทศกสิกรรมมีสินค้าเกี่ยวกับการเกษตรจำหน่ายเยอะมาก มีหลายคุณภาพและราคา

นายสุนทรพล วีระประวัติ ASEAN Region Manager บริษัท เอสซีวี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ส่งออกเครื่องยนต์ทางการเกษตรยี่ห้อคูโบต้า เปิดเผยว่า ผู้นำเข้าที่เวียดนามต้องการผู้ส่งออกที่มีชื่อเสียงและมีประวัติการส่งออกที่ดี แม้จะเป็นผู้ส่งออก แต่บริษัทก็จะต้องทำหน้าที่แทนผู้ซื้อ คือเช็ตสินค้าที่ปลายทางเป็นระยะว่ามีปัญหาหรือไม่ เราจะมีบทบาทหน้าที่เป็นที่เป็น Dealer หรือ Distributor ด้วย นี่เป็นหัวใจสำคัญของการกระจายสินค้าให้ทั่วถึงในภูมิภาคเราจะดูแลลูกค้าได้อย่างเข้าถึงและเข้าใจ

ผู้ประกอบการไทยล้วนเห็นพ้องถึงศักยภาพของตลาดเวียดนาม อย่างไรก็ตาม การเจาะตลาดใหม่ รวมทั้งเวียดนาม ผู้ประกอบการไทยควรมีที่ปรึกษาทางธุรกิจที่พร้อมให้ข้อมูลความรู้ นอกเหนือจากเครื่องมือทางการเงิน ทั้งในมิติของสินเชื่อและบริการประกันการส่งออกและลงทุน และเครือข่ายธุรกิจ โดย EXIM BANK พร้อมทำหน้าที่ดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปอยู่ใน Supply Chain ธุรกิจของเวียดนาม โดยเฉพาะธุรกิจที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลเวียดนามที่ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง โดยปัจจุบันโครงการลงทุนของไทยในเวียดนามภายใต้การสนับสนุนของ EXIM BANK คิดเป็นมูลค่ากว่า 17,300 ล้านบาทในหลากหลายธุรกิจ อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด และปิโตรเคมี เป็นต้น

“เวียดนามวันนี้ได้พลิกโฉมจากคู่แข่งกลายมาเป็นคู่ค้าคนสำคัญที่ไทยพึ่งพาและพึ่งพิงมากขึ้น EXIM BANK พร้อมทำหน้าที่มากกว่าธนาคาร เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเชื่อมโยง Supply Chain การผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศเวียดนามและตลาดโลกได้ โดยธุรกิจส่วนใหญ่ในเวียดนามมุ่งสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลไทยและประชาคมโลกสู่เป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ สร้างความเข้มแข็งและการพัฒนาอย่างยั่งยืนตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ไปจนถึงภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และประชาคมโลก” ดร.รักษ์ กล่าว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” ปมร้องเรียนทุจริตเงินวัด-พัวพัน 3 สีกา

19 ก.ย. – สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” และเดินทางออกจากวัดทันที หลังก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับทุจริตเงินวัด และพัวพัน 3 สีกา เป็นภาพเอกสารที่พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ส่งไปยังเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงกรณีของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พร้อมแนบภาพถ่ายการลาสิกขาของผู้ช่วยเจ้าอาวาส เอกสารระบุข้อความว่า “ตามที่มีประเด็นปรากฏในสื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ทางวัดหัวลำโพง ขอชี้แจงตามประเด็นดังต่อไปนี้ 1.กรณีพฤติกรรมชู้สาวของพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนบุคคล2.กรณียักยอกงินวัดนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่า ยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากหน้าที่ของพระครูปริยัติวัฒนกิจ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานวัดหัวลำโพง มีหน้าที่ประสานงานกับเจ้าภาพที่มาติดต่อเกี่ยวกับการจองศาลาบำเพ็ญกุศล อีกทั้งฌาปนสถานวัดหัวลำโพง ประกอบด้วยกรรมการบริหารจำนวน 5 รูป โดยมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน และมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายในส่วนฌาปนสถานของวัดมาโดยตลอด 3.กรณีลาสิกขา ทางพระครูปริยัติวัฒนกิจ แจ้งความประสงค์ลาสิกขาด้วยความสมัครใจ เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของวัด และศรัทธาของสาธุชน โดยลาสิกขา 18 ก.ย. 2568 เวลา 19.10 น. และเดินทางออกจากวัดทันที ย้อนดูคำชี้แจง “อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ”ย้อนดูคำชี้แจงจากปากของอดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ ก่อนหน้านี้ที่ทีมข่าวได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเรื่องทุจริตเงินวัด อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ บอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเอง […]

เบื้องหลังละครกัมพูชา

สระแก้ว 19 ก.ย. – ชาวกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ยังไม่รามือ หลังพบความพยายามรวบรวมฝูงชนจากพื้นที่อื่น เข้ามาสร้างสถานการณ์ยึดดินแดนไทย อาจมีเบื้องหลังเป็นข้าราชการกัมพูชา-นายทุนต่างชาติ.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย