S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+

กรุงเทพฯ 23 พ.ย. – S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)


นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 บริษัท S&P Global Ratings (S&P) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1) การคลี่คลายของสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตลอดจนการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของ COVID-19 และอนุญาตให้มีการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย และการที่ประชาชนได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 อย่างทั่วถึง เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการฟื้นตัวของภาค การท่องเที่ยวและการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดย S&P คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นจาก 428,000 คนในปี 2564 เป็นประมาณ 10 ล้านคนในปี 2565 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ และเศรษฐกิจไทย (Real GDP) จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 2.9 ในปี 2565 เป็นเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 3.2 ในช่วงปี 2565-2568


นอกจากนี้ การสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่องตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ อาทิ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

2) ภาคการคลังมีเสถียรภาพ จากการลดการใช้จ่ายภาคการคลังตามสถานการณ์การระบาด ที่คลี่คลาย รวมทั้งการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งหนี้ภาครัฐบาลสุทธิและต้นทุนการกู้เงินมีเสถียรภาพ จึงทำให้เศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้น ขาดดุลงบประมาณลดลง และหนี้ภาครัฐบาลจะทยอยลดลงในระยะ 3 ปีข้างหน้า

3) ภาคการเงินต่างประเทศ พบว่าแม้ประเทศไทยจะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แต่สถานการณ์การระบาดที่คลี่คลายส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาเป็นปกติ ภาคการท่องเที่ยวของประเทศฟื้นตัว อีกทั้งทุนสำรองระหว่างประเทศและสภาพคล่องของไทยยังอยู่ในระดับสูงและแข็งแกร่ง S&P คาดว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดจะกลับมาเกินดุลเฉลี่ยร้อยละ 2.1 ของ GDP ในปี 2566-2568


4) ปัจจัยสำคัญที่ S&P จะติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศท่ามกลางสถานการณ์การเงินโลกและเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สั่งย้ายครูแบทแมน

สั่งเด้ง “ครูแบทแมน” ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน

กัน จอมพลัง บุก ก.ศึกษาธิการ ร้องเอาผิดครูชายสวมหน้ากากแบทแมน ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน จ.อุทัยธานี ล่าสุดสั่งย้าย “ผอ.โรงเรียน-ครูแบทแมน” เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้าน “สส.ชาดา-กัน จอมพลัง” ลงพื้นที่ ขีดเส้นตายสอบเอาผิด

แม่อดีตครูสาว ยังติดใจสาเหตุ หลังพบศพในรถลานจอด รพ.

“น้องกิ๊ฟ” อดีตครูหายตัวไปเกือบ 1 เดือน พบอีกทีเป็นร่างไร้วิญญาณในรถยนต์บนลานจอดของโรงพยาบาล ญาติยังติดใจสาเหตุวอนตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไขข้อสงสัย

สั่งจำคุก “อัจฉริยะ” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีละเมิดอำนาจศาล

ศาลอาญาสั่งจำคุก “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล เผยแพร่เอกสารสรุปย่อคำพิพากษาต่อสื่อมวลชนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ข่าวแนะนำ

เคลื่อน 18 ศพเหยื่อบัสมรณะ ถึงบ้านเกิด ญาติร่ำไห้อาลัย

เจ้าหน้าที่กู้ภัยเคลื่อนร่างผู้เสียชีวิต 18 ราย จากเหตุรถบัสพลิกคว่ำ ถึงวัดป่าวิเวกธรรมคุณ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติที่รอรับศพ

สำรวจจุดเกิดเหตุรถบัสมรณะ 18 ศพ

ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุรถบัสมรณะ 18 ศพ พบว่ารถคันดังกล่าวฝ่าฝืนคำสั่งไม่ยอมจอดพักรถและลงชื่อก่อนจุดเกิดเหตุ 1 กิโลเมตร ทำให้รถเกิดเบรกแตกไหลลงเขาจนเกิดโศกนาฏกรรม

นายกฯ เรียก “รมต.จิราพร-ผบ.ตร.” ถกปราบบุหรี่ไฟฟ้า

“แพทองธาร” นายกฯ เรียก “รมต.จิราพร-ผบ.ตร.” ประชุมปราบปราม “บุหรี่ไฟฟ้า” ขีดเส้น 30 วัน ดำเนินการให้เด็ดขาด สั่งเข้มห้ามขายใกล้สถานศึกษา ต้องจัดการผู้นำเข้า

รถบัสดูงานคว่ำ

เร่งหาสาเหตุรถบัสคณะดูงานบึงกาฬ พลิกคว่ำทางลงเขาศาลปู่โทน

เจ้าหน้าที่เร่งกู้ซากรถบัสคณะดูงานเทศบาลบึงกาฬ เสียหลักพลิกคว่ำบริเวณทางลงเขาศาลปู่โทน จ.ปราจีนบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 คน บาดเจ็บอีกจำนวนมาก พร้อมเร่งหาสาเหตุของอุบัติเหตุ หลังมีรายงานว่าตอนลงเขารถบัสใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม.