กพช.งัดมาตรการบังคับประหยัดไฟหาก LNG ทะลุ 50 เหรียญฯ

กรุงเทพฯ 7 พ.ย. – กพช. เห็นชอบมาตรการช่วยประชาชนฝ่าวิกฤติพลังงาน เลี่ยงใช้ LNG เป็นเชื้อเพลิงอื่น ลดต้นทุนค่าไฟฟ้าแพง ประกาศชัดหาก LNG ทะลุ 50 เหรียญ นาน 14 วัน จะใช้มาตรการบังคับประหยัดพลังงาน มั่นใจคุมค่าไฟฟ้างวดใหม่ ไม่ปรับขึ้น บี้ กกพ. เปลี่ยนหลักเกณฑ์พิจารณาให้ทันสถานการณ์ราคาพลังงาน ลดค่าไฟทันที 0.5 สตางค์ต่อหน่วย  


นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันนี้ (7 พ.ย.) ที่พิจารณาผลกระทบค่าไฟฟ้าราคาแพงจากสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างสหพันธรัฐรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น กระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าของไทย ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบมาตรการบริหารจัดการพลังงานในสถานการณ์วิกฤติราคาพลังงานในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 มีทั้งหมด 11 มาตรการ โดย 1 ในมาตรการคือ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมประหยัดพลังงาน และมีมติว่าหากราคาตลาดจร หรือ Spot LNG JKM สูงกว่า 50 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 14 วัน (Trigger point) ให้นำเสนอเป็นมาตรการภาคบังคับ ในเรื่องมาตรการบังคับประหยัดพลังงาน โดยภาครัฐจะออกคำสั่งนายกรัฐมนตรี กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งก่อนบังคับจะดูแนวโน้มเทรนด์ราคา และแจ้งเตือนล่วงหน้า ปัจจุบันราคา LNG อยู่ที่ประมาณ 28-29 เหรียญต่อล้านบีทียู 

สำหรับมาตรการขอความร่วมมือประหยัดในภาคธุรกิจ/อุตสาหกรรม ที่อาจจะกลายเป็นมาตรการบังคับในอนาคต ได้แก่ การตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศในอาคารให้สูงขึ้นจากปกติ 2 องศาเซลเซียส (27 องศาเซลเซียส) และปิดระบบแสงสว่างในพื้นที่ที่ไม่จำเป็น, การกำหนดเวลาเปิดปิดไฟป้ายโฆษณาขนาดใหญ่, การปิดสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงหลังเวลา 23.00 น. (เปิดเวลา 05.00-23.00 น.), การกำหนดเวลาเปิดปิดภาคธุรกิจบริการที่ใช้พลังงานสูง เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ สถานบันเทิง, การปิดระบบปรับอากาศก่อนห้างสรรพสินค้าปิด 30-60 นาที, การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงของโรงงานอุตสาหกรรม โดยภาครัฐสนับสนุนการให้ข้อมูล/คำแนะนำและอาจสนับสนุนเงินลงทุนบางส่วนแก่โรงงานอุตสาหกรรม และมาตรการประหยัดพลังงานอื่นๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ 


นายกุลิศ กล่าวว่า มาตรการอื่นๆ เช่น การลดการใช้แอลเอ็นจี เมื่อราคาสูงกว่า 25 เหรียญต่อล้านบีทียู มาเป็นเชื้อเพลิงอื่นๆ ที่มีต้นทุนต่ำกว่า ทำให้ 3 เดือนนี้ ลดการนำเข้าแอลเอ็นจีจาก 18 ลำเรือ เหลือ 8 ลำเรือ และหากราคาแอลเอ็นจีต่ำกว่านี้ให้ บมจ.ปตท. เร่งรัดนำเข้าแอลเอ็นจีมาสำรองไว้ในคลัง โดยมั่นใจว่าแนวทางที่บริหารจัดการนี้จะทำให้ค่าไฟฟ้าผันแปรงวด 1/2566 (ม.ค.-เม.ย.) ราคาจะไม่สูงขึ้นกว่างวดปัจจุบัน ที่ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมค่าไฟฟ้าฐานอยู่ที่ประมาณ 4.72 บาทต่อหน่วย  

สำหรับการเปลี่ยนแปลงเชื้อเพลิงทดแทน LNG ได้แก่ ทดแทนด้วยใช้น้ำมันดีเซลและมันเตา โดยใช้ดีเซลราว 200 ล้านลิตร ในราคาประมาณ 6 บาทต่อลิตร, จัดหาก๊าซในประเทศและแหล่งเจดีเอ ราว 100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน, เพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ หน่วยที่ 8 ราว 555 กิกะวัตต์ชั่วโมง, รับซื้อไฟฟ้าระยะสั้นจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น 163 กิกะวัตต์ชั่วโมง ในขณะเดียวกันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอเพิ่มการจัดส่งน้ำมันดีเซลสำหรับโรงไฟฟ้า Glow EPEC GPG และ GUT และปรับแผนการนำเข้าน้ำมันเตา 0.5% ด้วยวิธี Ship to Ship สำหรับโรงไฟฟ้าบางปะกง 

การรับซื้อไฟฟ้าพลังงานน้ำระยะสั้นเพิ่มเติม จาก สปป ลาว  ได้แก่ โครงการน้ำเทิน 1 ราว 43 กิกะวัตต์ชั่วโมง, โครงการเทินหินบุน 9.6 กิกะวัตต์ชั่วโมง, การนำโรงไฟฟ้าแม่เมาะ หน่วยที่ 4 กลับมาผลิตไฟฟ้า, การบริหารจัดการเพื่อให้เกิดการลดการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคปิโตรเคมี และภาคอุตสาหกรรม, การเจรจาเพื่อลดการรับซื้อไฟฟ้าภาคสมัครใจจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ประเภทสัญญา Firm ระบบ Cogeneration ที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ และเร่งรัดการอนุมัติ/อนุญาตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ


“ที่ประชุม กพช. ได้มอบหมายให้ กกพ. ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงาน เปรียบเทียบราคา Spot LNG นำเข้ากับราคาเชื้อเพลิงและต้นทุนในแต่ละมาตรการ เพื่อนำมาพิจารณาในการที่จะคงการใช้มาตรการที่มีความคุ้มค่าและเลิกใช้มาตรการที่ไม่มีความคุ้มค่าโดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อให้ทันสถานการณ์ราคาพลังงานเปลี่ยนแปลงไป และเป็นผลดีต่อต้นทุนไฟฟ้าของประชาชน” นายกุลิศ กล่าว

นอกจากนี้ที่ประชุม กพช. ยังมีมติเห็นชอบการทบทวนการกำหนดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า ประเทศไทย ปี 2554-2558 ให้ปรับปรุงข้อความการนำส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามมาตรา 97(4) เพื่อการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย จากเดิม “โดยเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าในอัตรา 0.5 สตางค์ต่อหน่วย” เป็น “โดยเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าในอัตราไม่เกิน 0.5 สตางค์ต่อหน่วย” เพื่อให้กกพ. สามารถกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าจากผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าเป็น 0 บาทต่อหน่วย เป็นการชั่วคราว ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยลดผลกระทบภาระค่าไฟฟ้าต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน และเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกภาคส่วน ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าลดได้ทันทีในเดือน พ.ย.นี้ 0.5 สตางค์ต่อหน่วย

นายกุลิศ กล่าวว่า กพช. ยังมีมติเห็นชอบแนวทางการกำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้า สีเขียว (Utility Green Tariff) เพื่อส่งเสริมไฟฟ้าสะอาด และการค้าระหว่างประเทศที่กลไกตลาดโลกมีการบังคับใช้เรื่องพลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดในโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าขายปลีก ประกอบด้วย (1) อัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่เดิมในระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นการนำใบรับรองการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate : REC) ของโรงไฟฟ้าเดิมที่รัฐมีกรรมสิทธิ์มาให้บริการร่วมกับการให้บริการพลังงานไฟฟ้า และเป็นการให้บริการในลักษณะที่ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ต้องเจาะจงแหล่งที่มาของไฟฟ้าและ REC ในการขอรับบริการ โดยมีอัตราค่าบริการส่วนเพิ่ม (Premium) เพิ่มเติมจากอัตราค่าไฟฟ้าตามปกติที่ครอบคลุมต้นทุนค่า REC รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะกำหนดต่อไป (2) อัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเดิมในระบบไฟฟ้าทั้งของรัฐและเอกชน ซึ่งเป็นการให้บริการพลังงานไฟฟ้าและ REC ซึ่งมาจากแหล่งเดียวกัน โดยผู้ใช้ไฟฟ้าต้องเจาะจงกลุ่มโรงไฟฟ้า (Portfolio) ในการรับบริการ และอัตราค่าบริการกำหนดจากต้นทุนการให้บริการพลังงานไฟฟ้าและ REC ของแต่ละ Portfolio รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆตามที่ กกพ. จะกำหนดต่อไป  ซึ่งการดำเนินการเน้นโปร่งใสและเป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟฟ้าทุกกลุ่ม.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2

กทม. 18 มิ.ย.- ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2 ส่วนหน้าสโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต ขึ้นข้อความให้กำลังใจผ่านจอแอลอีดี ขณะที่เพจโซเชียลกองทัพ แห่โพสต์ข้อความ #ศักดิ์ศรีของทหาร 18 มิ.ย.68 ภายหลังจากที่มีคลิปเสียงการพูดคุยระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลุดออกมา และมีการพูดถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กของหน่วยทหารต่างๆ อาทิ กรมกิจการพลเรือนทหารบก ได้โพสต์ข้อความว่า พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เรื่อง #ศักดิ์ศรีของทหาร 1. ทหาร คือ ผู้ที่ได้รับเกียรติอย่างสูงจากประชาชนทั้งชาติ ให้เป็นสุภาพบุรุษ ถืออาวุธเพื่อป้องกันประเทศ 2. ทหาร เป็นผู้เสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว เพื่อความผาสุกของประชาชนและความอยู่รอดของชาติ 3. ทหาร คือ ผู้ที่รักและบูชาเกียรติยศมากกว่าเงิน นอกจากนี้ เพจ Smart Soldiers Strong […]

“อนุทิน” บอก “จบแล้วครับนาย” ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู

กทม. 18 มิ.ย.-“อนุทิน” สั่ง จนท.ขนของออกจากกระทรวง บอก “จบแล้วครับนาย” ไม่ต้องคุยนายกฯ หลัง “หมอมิ้ง” ยื่นไพ่ใบสุดท้าย ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู เตรียมซ้อมกับ “ไอซ์ รักชนก” เวลา 13.35 น. วันที่ 18 มิ.ย.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังนายกฯ ระบุว่ายังไม่แจ้งเงื่อนไขการปรับ ครม. ว่า ตนยังไม่ได้ยิน ซึ่งเมื่อวานนี้ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ซึ่งเราก็บอกท่าทีเราไปแล้ว เมื่อถามว่า การขนของออกจากห้องทำงาน ถือเป็นการปิดประตูเจรจาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ ชัดเจนแล้วว่า เราคงไม่ได้เปลี่ยนอะไร และ นพ.พรหมินทร์ ได้ย้ำเงื่อนไขของพรรคเพื่อไทยว่าเป็นแบบนี้ เมื่อถามต่อว่า ต้องคุยกับนายกฯ อีกครั้งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คุยกับนายกฯ และเมื่อวาน […]

“ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงฉบับเต็ม 17 นาที

กัมพูชา 18 มิ.ย. – “ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงคุย “แพทองธาร” ฉบับเต็ม 17 นาที เผยบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส ส่งต่อให้บุคคลอื่นราว 80 คน เว็บไซต์ขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า “นายฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชาเปิดเผยผ่านสื่อโซเชียล มีเนื้อหาระบุว่า “เมื่อเย็นวันที่ 15 มิถุนายน ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นเวลา 17 นาที 6 วินาที โดยมีนายเคลียง ฮวต รองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ ทำหน้าที่ล่ามแปลภาษา ซึ่งตามปกติแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือตีความหมายผิดในเรื่องที่เป็นทางการ จึงจำเป็นต้องทำการบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ภายในของกัมพูชาด้วย และจากนั้นเป็นต้นมา ตนเอง ก็ได้แชร์เทปเสียงสนทนานี้ให้กับบุคคลอื่นๆ ราว 80 คน ที่รวมถึงสมาชิกคณะกรรมการถาวรของพรรค คณะทำงานวุฒิสภา หน่วยงานเฉพาะกิจด้านการต่างประเทศ หน่วยงานด้านการศึกษาและการเข้าถึงกลุ่มกิจการชายแดน และสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งในจำนวนคนเหล่านี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีบางคนที่ไม่พอใจนายกรัฐมนตรีของไทย ฮุน เซนโพสต์ต่อว่า “แต่หลังจากการสนทนาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ผู้นำไทยกลับออกมากล่าวหาผู้นำกัมพูชาอย่างเปิดเผยว่าทำงานการเมืองอย่างไม่เป็นมืออาชีพ และขับเคลื่อนประเด็นทางการเมืองผ่านทางเฟซบุ๊ก […]

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : “คลิปเสียง” อาวุธทางการเมืองในกัมพูชา

กัมพูชา 19 มิ.ย. – กรณีคลิปเสียงที่นายฮุน เซน เปิดเผยออกมา หลายท่านคงสงสัยว่า เขาเคยใช้วิธีนี้กับใครอีกหรือไม่ รายงาน 9 ทันโลก วันนี้ พาไปติดตามการปล่อยคลิปเสียงในฐานะเครื่องมือทางการเมืองในกัมพูชา. – สำนักข่าวไทย

รทสช.มอบหมาย “พีระพันธุ์” นำมติพรรคคุยนายกฯ ก่อน

รทสช. 19 มิ.ย.- “รวมไทยสร้างชาติ” ยังไม่เผยมติพรรค มอบหมาย “พีระพันธุ์” นำมติคุยนายกฯ ก่อน หลังมีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองเกือบ 2 ชม. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดยมีนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย นายปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล นายชื่นชอบ คงอุดม นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร เข้าร่วมประชุม ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย ติดภารกิจ ส่วนนายเกรียงยศ สุดลาภา นายทะเบียนพรรค และนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ไม่ได้รับเชิญเข้าร่วม ซึ่งทั้งนายเกรียงยศ และนายเกชา อยู่กลุ่ม 18 ของนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค จากนั้นเวลา 19.00 น. นายพีรพันธุ์ เดินทางออกจากพรรค […]

มทภ.2 ลั่นทหารยังเป็นเสาหลักไม่เปลี่ยน มุ่งป้องกันประเทศทุกวิถีทาง

นครราชสีมา 19 มิ.ย. – ท่วมท้น! กำลังใจหลั่งไหลสู่ “พล.ท.บุญสิน” และทหารชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวขอบคุณ ลั่นทหารยังเป็นเสาหลักไม่เปลี่ยนแปลง มุ่งมั่นป้องกันประเทศชาติทุกวิถีทาง ขอให้ประชาชนไว้วางใจ ช่วงบ่ายวันนี้ (19 มิ.ย.68) ที่สโมสรร่วมเริงไชย กองทัพภาคที่ 2 จ.นครราชสีมา สถานศึกษาและบริษัทเอกชน นำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นมามอบให้กับ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และส่งต่อธารน้ำใจไปยังทหารที่ประจำอยู่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ นักเรียนจากโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย และโรงเรียนสุรธรรมพิทักษ์ ยังนำข้อความจากใจของนักเรียนที่เขียนให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 มามอบให้ด้วย ด้านแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวขอบคุณ และบอกว่าจะรีบนำสิ่งของไปมอบให้โดยเร็ว พร้อมยืนยันว่า กองทัพภาคที่ 2 ยังทำหน้าที่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ฝ่ายบริหารก็แก้ปัญหาทางการเมือง ส่วนความมั่นคงของชาติ ทั้ง 3 เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มุ่งมั่นป้องกันประเทศชาติทุกวิถีทางที่จะไม่ให้เสียดินแดน ขอให้พี่น้องประชาชนไว้วางใจ สิ่งที่ตนพูดไปแล้วก็ตามนั้น. – สำนักข่าวไทย

“ชาติไทยพัฒนา” ยังไม่ถอนตัวร่วมรัฐบาล มองเป็นการสนทนา “อา-หลาน”

พรรคชาติ​ไทย​พัฒนา​ 19​ มิ.ย.-“วราวุธ” ประกาศชัด “ชาติไทยพัฒนา” ยังไม่ถอนตัว บอกช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ รัฐบาลต้องมีความมั่นคงทางอธิปไตย มองคลิปเสียงเป็นการสนทนาระหว่าง “อา-หลาน” แต่ไม่รู้เจตนาคนปล่อย ขอคุยนายกฯ ก่อนเสนอที่ประชุมพรรคเคาะอีกครั้ง นายวราวุธ​ ศิลปอาชา​ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา​ แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับ สส.​ของพรรค และประธานคณะกรรมการดำเนินงานของพรรค เกือบ 2 ชั่วโมง ว่า จากการประชุมหารือร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรค ซึ่งที่ประชุมได้มีข้อคิดและข้อเสนอที่หลากหลาย แต่ทุกคนลงความเห็นในทางเดียวกันว่าในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้และการตัดสินใจที่ยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน เนื่องจากเหตุเพิ่งเกิดเมื่อไม่ถึง 24 ชั่วโมง ทำให้หัวหน้าพรรคแต่ละพรรคยังไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีถึงรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นตอนนี้พรรคชาติไทยพัฒนาเชื่อว่าอธิปไตยของประเทศและความมั่นคงของประเทศคือสิ่งสำคัญที่สุดและไม่ควรตกอยู่ในสภาวะเสี่ยง พรรคและสมาชิกพรรคจึงเห็นว่าควรสนับสนุนให้เกิดความมั่นคงให้รัฐบาลทำให้เกิดความมั่นคงในอธิปไตยของประเทศ และได้มอบหมายให้หัวหน้าพรรคเป็นตัวแทนไปพูดคุยหารือกับนายกรัฐมนตรีในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาและมีแนวทางอย่างไร หากได้ข้อมูลเพิ่มเติมและครบถ้วนแล้วจะนำมาเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคต่อไป นายวราวุธ ยืนยันชัดเจนว่า พรรคชาติไทยพัฒนาจะยังไม่ถอนตัวจากรัฐบาล เพราะความเข้มแข็งของรัฐบาลที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับอธิปไตย เราได้ยินคลิปการพูดคุยสนทนา แต่ไม่รู้ถึงวัตถุประสงค์ในการปล่อยคลิปเสียงดังกล่าว แน่นอนในโลกโซเชียลอาจจะบอกว่าชัดขนาดนี้แล้วจะคิดอะไรอยู่อีก แต่การตัดสินใจทำงานในรัฐบาล และความมั่นคงของประเทศเราเอามาเสี่ยงไม่ได้การทำให้รัฐบาลมีความเข้มแข็งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ พรรคชาติไทยพัฒนามองว่าเป็นปัจจัยสำคัญ เมื่อถามว่าจะให้รัฐบาลมากน้อยแค่ไหนนั้น นายวราวุธ กล่าวว่าทุกพรรคคงอยากจะหาทางออกให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุดเพราะความมั่นคงของประเทศไม่ควรตกอยู่ในความจำเสื่อม เชื่อว่าจะมีการพูดคุยกันโดยเร็ว เมื่อถามว่าการจับมือกับนายกฯ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคหรือไม่ นายวรวุธ กล่าวว่า […]