ปลดล็อกกฎกระทรวงผลิตสุราฯ ให้ผู้ประกอบการรายเล็ก

กรุงเทพฯ 1 พ.ย.- กรมสรรพสามิต เสนอ ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการผลิตสุราฯ ซึ่งได้ดำเนินการศึกษามาอย่างต่อเนื่องโดยมีการพิจารณาให้ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สาธารณสุข สังคม และสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับทุกภาคส่วนอย่างเป็นธรรม ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ ประชาชน สังคม และภาครัฐ 


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า “ร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. …. ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุรา พ.ศ. 2560 พร้อมเปิดโอกาสให้การผลิตสุราสามารถดำเนินการได้ง่ายขึ้น เป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก ปลดล็อกทั้งในเรื่องทุนจดทะเบียนและกำลังการผลิตขั้นต่ำ สามารถยกระดับสุราชุมชนจากขนาดเล็กไปสู่ขนาดกลาง ซึ่งจะเป็นการช่วยให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ เปิดโอกาสธุรกิจให้เติบโตสามารถขยายกิจการได้รวมถึงเป็นการส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการนำสินค้าเกษตรมาแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น อย่างไรก็ดี กรมสรรพสามิตยังคงให้ความสำคัญและคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัย สาธารณสุข สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงมีกรอบการปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและผลกระทบตามมา”

ทั้งนี้ ร่างกฎกระทรวงการผลิตสุราฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้


1. เปิดโอกาสให้สุราชุมชนขนาดเล็ก จากที่ต้องใช้เครื่องจักรในการผลิตต่ำกว่า 5 แรงม้า และใช้คนงานน้อยกว่า 7 คน ให้สามารถขยายกำลังการผลิตเป็นระดับกลาง ที่ใช้เครื่องจักรที่มีกำลังการผลิตสูงกว่า 5 แรงม้า แต่ไม่เกิน 50 แรงม้า และสามารถใช้คนงานมากกว่า 7 คนได้ แต่ต้องไม่เกิน 50 คน แต่ทั้งนี้ ผู้ผลิตสุราชุมชนที่จะขยายกำลังการผลิตจากระดับเล็กเป็นระดับกลาง จะต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตสุราแช่ หรือสุรากลั่นชุมชนขนาดเล็กมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และไม่เคยกระทำความผิดตามกฎหมายภาษีสรรพสามิต หรือเคยกระทำความผิดและพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี นอกจากนี้ ต้องใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ตามมาตรฐานที่อธิบดีประกาศกำหนด และปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและกฎหมายเกี่ยวกับการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง

2. ยกเลิกการกำหนดกำลังการผลิตขั้นต่ำและทุนจดทะเบียนสำหรับทั้งกรณีผลิตเบียร์เพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต (Brewpub) และโรงงานผลิตเบียร์ขนาดใหญ่ ซึ่งเดิมนั้น ในกรณีผลิตเบียร์เพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต (Brewpub) จะต้องมีขนาดการผลิตไม่ต่ำกว่า 100,000 ลิตรต่อปี และไม่เกิน 1 ล้านลิตรต่อปี และกรณีโรงงานผลิตเบียร์ขนาดใหญ่ต้องมีขนาดการผลิตไม่ต่ำกว่า 10 ล้านลิตรต่อปี สำหรับทุนจดทะเบียน ต้องไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนี้กรณีผลิตเบียร์เพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต (Brewpub) ต้องใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ตามมาตรฐานที่อธิบดีประกาศกำหนด และปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและกฎหมายเกี่ยวกับการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง

3. เปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดาที่มีอายุไม่น้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และนิติบุคคลสามารถขอใบอนุญาตผลิตสุราที่มิใช่เพื่อขาย แลกเปลี่ยน หรือดำเนินการอื่นใดโดยได้รับประโยชน์ตอบแทน และต้องมีปริมาณการผลิตสุราไม่เกิน 200 ลิตรต่อปี อย่างไรก็ดี สถานที่ผลิตสุราต้องมีพื้นที่เพียงพอที่จะผลิตสุราโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย เหตุเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น และมิใช่สถานที่ผลิตสุราของผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตสุรารายอื่น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของการบริโภคสุราและมิติของสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ 


การดำเนินการข้างต้น เป็นการเปิดโอกาสให้รายเล็กสามารถเติบโตได้โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของเงินทุนและกำลังการผลิต แต่ยังคงต้องให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพสินค้า ความปลอดภัย กระบวนการผลิต เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในด้านสุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ การเสนอร่างกฎกระทรวงการผลิตสุราฯ ดังกล่าวมีการปรับลดข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็กให้สามารถขยายกำลังการผลิตส่งเสริมให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชนและกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาพรวมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมสินค้าเกษตรให้สามารถนำมาแปรรูปได้ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น และยังเป็นการส่งเสริมและรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่นสืบไป อย่างไรก็ดี กรมสรรพสามิตยังคงเน้นและให้ความสำคัญในเรื่องมาตรการการควบคุมด้านคุณภาพ ด้านสาธารณสุข และด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากไม่มีการควบคุมและมีสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานออกมาสู่ผู้บริโภค อาจทำให้เกิดผลเสียต่อผู้บริโภคได้ 

นอกจากนี้ การผลิตสุราก่อให้เกิดของเสียจากกระบวนการผลิต อาทิ การกำจัดกากขยะและน้ำเสีย ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น การให้ความสำคัญในเรื่องของสถานที่ตั้งและการควบคุมกระบวนการผลิต ความสะอาด และสุขอนามัย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้เป็นไปตามกฎระเบียบตามที่กำหนด เพื่อไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งการรักษามาตรฐานความปลอดภัยที่กรมสรรพสามิตได้กำหนดขึ้นมานั้น เป็นไปตามที่ถือปฏิบัติเป็นสากล และเป็นสิ่งที่ทั่วโลกต่างก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในเวลานี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ศาลตัดสินพิรงรอง

“พิรงรอง” รับกังวลใจ วันนี้ศาลตัดสิน คดีทรูฟ้องหลุดเก้าอี้ กสทช.

“พิรงรอง” ถึงศาล รับกังวลใจ คดีทรูฟ้องหลุดเก้าอี้ กสทช. ปมส่งใบเตือนทีวีดิจิทัลมีโฆษณาแทรก ยืนยันทำหน้าที่อย่างถูกต้อง

ผู้สมัคร นายก อบจ.สมุทรปราการ หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้ง ร้อง ปธ.สภา

ผู้สมัคร นายก อบจ. สมุทรปราการ พรรคประชาชน หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้ง อบจ.ร้องประธานสภา จี้ กกต.สอบให้ความเป็นธรรม ลั่นจะไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบ

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

บุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน

ตำรวจนครบาลบุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน สร้างเพจปลอมเป็นหน่วยงานตำรวจ และ ปปง. หลอกเหยื่อว่าสามารถติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืนได้ ค้นบ้านพบซิมบ็อกซ์โทรศัพท์ และ QR Code ปลอม จำนวนมาก

ข่าวแนะนำ

ปล้นร้านสะดวกซื้อ

รวบ 6 เยาวชน ก่อเหตุปล้นร้านสะดวกซื้อปัตตานี

รวบแล้ว 6 โจร ปล้นร้านสะดวกซื้อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้เงินกว่า 4,000 บาท พบผู้ก่อเหตุทั้งหมด เป็นเยาวชนอายุระหว่าง 14-16 ปี

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

นายกฯพบสีจิ้นผิง

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง”

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง” ย้ำความสัมพันธ์ทางการทูตและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ด้านจีนหนุนไทยมีบทบาทในเวที ระดับโลกและภูมิภาค

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟเมื่อวาน

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ขอทำไปประเมินไป อย่าทำให้เป็นประเด็น มองเป็นสิทธิฝั่งเมียนมาซื้อไฟฟ้าจากลาว ลั่นเดี๋ยวต้องคุยอีก ย้ำตัดไฟครั้งนี้ไม่ได้ใช้อารมณ์ รู้อยู่กระทบเศรษฐกิจบ้าง แต่แค่ 0.1%