รฟท.เดินหน้าตั้งบริษัทลูกช่วยฟื้นฟูกิจการสร้างรายได้เพิ่ม

กรุงเทพฯ 23 เม.ย.-รฟท.เร่งตั้งบริษัทลูก บริหารทรัพย์สิน สร้างรายได้เชิงพาณิชย์ จากพื้นที่ 11 แปลงใหญ่ มั่นใจภายใน 6 ปี มีรายได้เพิ่ม 60,000 ล้านบาท


นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ กรรมการและรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) กล่าวว่า  ขณะนี้รฟท.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาแนวทางการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ตามแนวนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่ต้องการให้องค์กรฟื้นฟูกิจการและสร้างรายได้เพิ่ม โดยการศึกษาจะเน้นไปที่การพัฒนาที่ดินของรฟท.เพื่อหารายได้เชิงพาณิชย์โดยเฉพาะพื้นที่ศักยภาพ 11 แปลงใหญ่รอบเมืองหลวงอย่างพื้นที่กม.11 สถานีแม่น้ำและสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งได้เน้นรายละเอียดให้บริษัทลูกต้องบริหารสัญญาทั้งหมดของรฟท.และหาผู้ร่วมทุนในพื้นที่แปลงใหญ่ คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาราว 9 เดือน ก่อนจะเริ่มเดินหน้าตั้งบริษัทได้ในปีหน้า รวมถึงศึกษาโครงสร้างบริษัท ทิศทางการบริหารและจำนวนบุคลากร 

ดังนั้นคาดว่าในช่วง 6 ปี แรกระหว่างปี 2560-2565 รฟท.จะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท นำไปใช้หักลบกลบหนี้ชองรฟท.ที่มีอยู่ถึง 170,000 ล้านบาท เพื่อลดภาระด้านดอกเบี้ยที่มีอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนที่สำคัญอย่างโครงการรถไฟทางคู่ ซึ่งมองว่าถ้าแล้วเสร็จครบทุกเส้นทางแล้วจะสร้างรายได้อีกมากให้กับองค์กรรถไฟจากปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าจะเสนอรายละเอียดการจัดตั้งบริษัทลูกให้กระทรวงคมนาคมได้ไม่เกินกลางเดือนพ.ค. ด้วยทุนจดทะเบียนตั้งบริษัทเริ่มต้นที่ 200 ล้านบาท โดยรฟท.ถือหุ้นทั้งหมด


นายอานนท์ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าด้านโครงการรถไฟทางคู่หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ที่สามารถออกทีโออาร์และเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งที่หนึ่งไปแล้วคาดว่า จะสามารถเปิดขายเอกสารประกวดราคาได้ปลายเดือนนี้และได้ตัวผู้รับเหมาก่อสร้างต้นเดือนกรกฎาคม 2560   อย่างไรก็ตามภายหลังจากสามารถเปิดประมูลโครงการทางคู่ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์แล้ว จะทยอยนำโครงการอีกเส้นทางที่เหลือเข้าสู่ขั้นตอนประกวดราคาเป็นรอบไป อาจเป็นแบบรายสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ ตามนโยบายของซูเปอร์บอร์ดที่ให้การประกวดราคาทำไม่พร้อมกันเพื่อเปิดช่องให้เอกชนแข่งขันกันได้มากขึ้น 

ดังนั้นจึงคาดว่าจะได้ตัวเอกชนครบทั้ง 5 เส้นทางภายในเดือน ส.ค.นี้ภายหลังจากได้ตัวเอกชนรายแรกช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ช่วงต้นเดือนก.ค. ซึ่งรฟท.คาดว่าวงเงินราคากลางของรถไฟทางคู่ 5 เส้นจะปรับลดจากเดิมราวร้อยละ 10 คิดเป็น 9,884 ล้านบาท ไปอยู่ที่ 88,963 ล้านบาทจากเดิมที่ 98,847 ล้านบาท (ทางคู่ 5 เส้นทาง คือ 1.เส้นทาง ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร(กม.) วงเงินลงทุน 17,290.63 ล้านบาท 2.ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม. วงเงินลงทุน 29,449.31 ล้านบาท 3.ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. วงเงินรวม 24,722.28 ล้านบาท 4.ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. วงเงินลงทุนรวม 20,046.41 ล้านบาท และ5.ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กม. วงเงินลงทุนรวม 7,340 ล้านบาท

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้เร่งรัดให้รฟท.ไปทำแผนเดินรถสายสีแดงมาให้ชัดเจนภายหลังจากที่รฟท.ขอเข้าบริหารเส้นทางดังกล่าวเนื่องจากเป็นหนึ่งในรถไฟฟ้าสายสำคัญที่มีศักยภาพสร้างรายได้อีกมากในอนาคตร่วมกับการเตรียมแผนขยายเส้นทางรถไฟดังกล่าวทั้งฝั่งทิศเหนือและทิศใต้ ส่งผลให้ขณะนี้รฟท.ต้องเร่งจัดทำรายละเอียดด้านโครงสร้างบริษัท ทิศทางการบริหาร บุคลากรและเงินเดือนเพื่อตั้งบริษัทเดินรถทำการบริหารงานเดินรถของรถไฟสายสีแดงและรถไฟทางคู่ในอนาคต คาดว่าจะเร่งจัดตั้งบริษัทได้ใกล้เคียงกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ คือ ภายในปีหน้า ด้วยการใช้ทุนจดทะเบียนประมาณ 3,000 ล้านบาท ส่วนด้านความคืบหน้าโครงการดังกล่าวขณะนี้ สัญญา 2 งานโยธาสำหรับทางรถไฟบางซื่อ – รังสิต คืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 58 ส่วนสัญญาที่ 1 งานโยธาสำหรับสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุงนั้นยอมรับว่าต้องล่าช้าไป 1 ปี เนื่องจากติดปัญหาด้านการขนย้ายท่อน้ำมันบริเวณพื้นที่ดำเนินการ ส่วนด้านแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานีนั้นจะมอบให้บริษัทบริหารทรัพย์สินเป็นผู้พัฒนาพื้นที่ต่อไป ขณะที่โครงการรถไฟทางคู่ที่เหลืออีก 9 เส้นทาง ระยะทาง 2,217 กิโลเมตร มูลค่ารวม 3.9 แสนล้านบาท นั้นคาดว่าจะออกทีโออาร์ในปีนี้ไม่ครบทั้ง 9 เส้นแต่จะรีบออกทีโออาร์ในบางเส้นทางที่มีศักยภาพก่อน


สำหรับรูปแบบของบริษัทเดินรถนั้นจะแตกต่างจากบริษัทจ้างเดินรถอย่างแอร์พอร์ตลิ้งค์เพราะอยู่ในรูปแบบ Net Cost ที่มีอำนาจเต็มในการบริหารและพัฒนาบุคลากรรวมถึงแนวทางดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังต้องใช้บุคลากรภายนอกเข้ามาบริหารเพื่อประสิทธิภาพผลงานโดยจ่ายเงินเดือนให้เทียบเท่าบริษัทเอกชน ขณะที่การจัดตั้งบริษัทลูกด้านซ่อมบำรุงขณะนี้ยังติดปัญหาหลายด้านที่ต้องพูดคุยกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย