กรุงเทพฯ 29 ส.ค.- หุ้นไทยดิ่งแรงตามตลาดโลกกังวล เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย ประเมิน ก.ย.นี้ขึ้นอีกร้อยละ 0.75 อาจกระทบต่อเศรษฐกิจและสภาพคล่องตลาดสินทรัพย์เสี่ยง
นายพิชัย เลิศสุพงษ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการบล. ธนชาติกล่าวถึงกรณีนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ทำให้ตลาดคาดการประชุมเฟดเดือน ก.ย.จะขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 จะกระทบต่อเศรษฐกิจและสภาพคล่องตลาดสินทรัพย์เสี่ยง ทำให้ทั่วโลกดิ่งลง อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าหลังจาก ก.ย.แล้ว แรงกดดันจากเงินเฟ้อจะลดลง และทำให้การขึ้นดอกเบี้ย จะไม่รุนแรง โดยในส่วนของไทย ยังมีปัจจัยบวกจากการขึ้นค่ารองที่อยู่ในกรอบต่ำของตลาดคาดการณ์ที่ขยับขึ้น อัตราค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 337 บาท คิดเป็นร้อยละ 5.02 และนักท่องเที่ยวกลับมาเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายในระบบดีขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อกลุ่มเปิดเมือง กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มท่องเที่ยว จึงควรเข้าซื้อในช่วงตลาดย่อตัว
ทั้งนี้ นายพาวเวล ระบุ ภารกิจของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่เสร็จสิ้น โดยเฟดจะยังคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐและเฟดจะไม่ตัดทางเลือกในการ “ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่มากกว่าปกติ” ในเดือนก.ย.ส่งผลให้ทิศทางตลาดหุ้นโลกดิ่งลงและเกิดเสียงวิจารณ์ นายพาวเวล แสดงความคิดเห็นในเชิง Hawkish สร้างความกังวลอีกครั้งให้กับนักลงทุนทั่วโลก
สำหรับหุ้นไทย เช้านี้ เปิดตลาดดัชนี ทำจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1,619.58 จุด ปรับตัวลง 25.20 จุด หรือลดลง 1.53% และกลับยืนอยู่บริเวณ 1,624.89 จุด ติดลบ 19.89 จุด (เวลา 11.20 น.)
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน มองว่า ระยะสั้น พอร์ตลงทุนคงน้ำหนักหุ้นไทยระดับ 55%-60% วันนี้ตลาด “Down” แรงกดหลักจะมาจากความเห็นประธาน Fed ที่ยืนยันจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะปรับลดลง ซึ่งจะกดดันภาพเศรษฐกิจระยะถัดไปให้เข้าสู่ภาวะถดถอย โดยในประเทศไทยกระทบผ่านแนวโน้มการส่งออกที่ชะลอลง ธีมระยะสั้นที่น่าสนใจเน้นไปที่หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Bond Yield ปรับขึ้นต่อ, ดอกเบี้ยขาขึ้น (TLI, BLA, TIPH) กลุ่ม Defensive (BDMS, BH)รวมถึงกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก ค่าเงินบาทอ่อน+Heat Wave ในจีน/ยุโรป (CPF, SAPPE)
สำหรับการลงทุนระยะกลาง- ยาว ยังสามารถเลือกทยอยสะสมหุ้น
- กลุ่ม Consumer ได้ประโยชน์เงินเฟ้อใกล้ผ่านโซนพีค (ADVANC, TIDLOR, INTUCH, DTAC, CPALL, MAKRO, CRC, HMPRO, ILM, KTC, SNNP)
- กลุ่ม Anti-Commodities ที่ได้ประโยชน์ราคาน้ำมันที่เริ่มชะลอลงบ้าง (SCGP, GPSC, BGRIM, CBG, SCC, TOA, EPG, GULF, SAPPE)
- กลุ่ม High Growth/ Digital Tech ที่อิงความต้องการในประเทศ (JMT, SINGER, CHAYO, BE8, BBIK, IIG). –สำนักข่าวไทย