กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ปี 65 เหลือ 1,750,000 คัน
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมแถลงจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนกรกฎาคม 2565 โดยจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกรกฎาคม 2565 มีทั้งสิ้น 142,958 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2564 ร้อยละ 16.07 จากการผลิตเพื่อส่งออกและผลิตเพื่อขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.07 และ 16.07 ตามลำดับ แต่ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2565 ร้อยละ 0.04
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,013,069 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2564 ร้อยละ 4.68
การผลิตเพื่อส่งออกเดือนกรกฎาคม 2565 ผลิตได้ 71,387 คัน เท่ากับร้อยละ 49.94 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2564 ร้อยละ 2.07 ส่วนเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2565 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 513,965 คัน เท่ากับร้อยละ 50.73 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2564 ระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 7.59
การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ เดือนกรกฎาคม 2565 ผลิตได้ 71,571 คัน เท่ากับร้อยละ 50.06 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2564 ร้อยละ 34.47 และเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2565 ผลิตได้ 499,104 คัน เท่ากับร้อยละ 49.27 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2564 ร้อยละ 21.26
ยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนกรกฎาคม 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 64,033 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2565 ร้อยละ 5.77 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 22.10 เพราะรัฐบาลผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างประเทศเข้าประเทศสะดวกขึ้น มีนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเดินทางเข้าประเทศกว่า 3 ล้านคน รวมทั้งการส่งออกที่ยังคงเติบโต การประกันรายได้เกษตรกร การกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เช่น เราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น
ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2565 รถยนต์มียอดขาย 491,329 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 15.43
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2565 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 479,981.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2564 ร้อยละ 2.23
ส่วนยานยนต์ไฟฟ้า เดือนกรกฎาคม 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่ จำนวน 1,459 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2564 ร้อยละ 334.23
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV จดทะเบียนใหม่ มีจำนวน 4,547 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2564 ร้อยละ 142.51 และยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนกรกฎาคม 2565 จดทะเบียนใหม่ มีจำนวน 775 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2564 ร้อยละ 150.81
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้หั่นเป้าผลิตรถยนต์ปี 2565 จาก 1,800,000 คัน เป็น 1,750,000 คัน ลดลง 50,000 คัน โดยปรับเป้าผลิตส่งออกลงจาก 1,000,000 คัน เป็น 900,000 คัน และปรับเป้าผลิตขายในประเทศขึ้นจาก 800,000 คัน เป็น 850,000 คัน จากปัญหาสงครามยูเครน-รัสเซียที่ยืดเยื้อ ทำให้ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์รุนแรงมากขึ้น เพราะทั้งสองประเทศส่งออกรายใหญ่ก๊าซนีออนที่เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และสงครามยังทำให้การส่งออกรถยนต์ไปทั้งสองประเทศลดลงกว่า 20,000 คัน รวมถึงการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ ในเดือนเมษายน-พฤษภคม ทำให้ขาดแคลนชิ้นส่วนและเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น
ประเทศเมียนมาประกาศห้ามนำเข้ารถยนต์ เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2565 ทำให้ส่งออกรถยนต์ลดลงกว่า 2,000 คัน /ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ไต้หวัน ตะวันออกกลาง เป็นต้น / อัตราเงินเฟ้อที่สูงมากและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของประเทศชั้นนำของโลก อาจทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง
ส่วนสาเหตุของการปรับยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการการเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากต่างประเทศสะดวกขึ้น / การส่งออกยังคงเติบโตจากปีที่แล้วที่มูลค่าส่งออกทำสถิติสูงสุด ทำให้ประชาชนมีงานทำ มีรายได้เพิ่มขึ้น / รัฐบาลประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 ชนิด โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง / การผ่อนคลายการล็อกดาวน์เรื่องโควิด-19 ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ประชาชนมีรายได้มากขึ้น / มีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่.-สำนักข่าวไทย