โวคุมน้ำ 2 ปีไม่มีแล้ง

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 19 พ.ค.- พล.อ.ประวิตร ระบุ คุมน้ำ 2 ปีไม่มีแล้ง ยืนยันทุกพื้นที่ประชาชนต้องมีน้ำกินน้ำใช้ตลอดปี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติครั้งที่ ว่า ได้มอบนโยบายเรื่องการระบายน้ำ การขุดลอกคูคลอง กำจัดวัชพืช การใช้น้ำอุปโภคบริโภค ให้ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้ทั้งปี และทุกพื้นที่น้ำต้องไม่ขาดแคน ยืนยันตนเองอยู่มา 2 ปีไม่มีภัยแล้งเกิดขึ้น พร้อมติดตาม สถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝนปีนี้.- สำนักข่าวไทย      

กู้ใหม่ 7 แสนล้าน ต้องไม่ตีเช็คเปล่า

“คุณหญิงสุดารัตน์”เสนอตัดงบปี65 ที่ไม่จำเป็นออกทุ่มซื้อวัคซีน กู้ใหม่ 7แสนล้านต้องไม่ตีเช็คเปล่า ใช้งบประมาณไม่เกิดประโยชน์เหมือนที่ผ่านมา

หนุนกู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้าน

กรุงเทพฯ 19 พ.ค.-โฆษก กมธ.ติดตามเงินกู้แก้ปัญหาโควิด-19 หนุนรัฐบาลกู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้านบาท แต่ต้องปรับเปลี่ยนกลไกการบริหารงบ ควบคุมเงินกู้ การตรวจสอบและการเบิกจ่าย นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการติดตามตรวจสอบการใช้เงินกู้จาก พ.ร.ก.จำนวน 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขและฟื้นฟูปัญหาโควิด-19 กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลเตรียมออก พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาโควิด-19 ว่า ตนเห็นด้วย หากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินก้อนนี้มาใช้ เพราะการระบาดของโรคโควิด-19 รอบที่ 3 มีผลกระทบไม่ใช่เฉพาะเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลกู้รอบแรกมาแล้ว 1 ล้านล้านบาทเพื่อใช้ในการเยียวยา ฟื้นฟู และด้านสาธารณสุข ตามที่ได้มีการติดตามเงินกู้ก้อนนี้ก็มีการเบิกจ่ายเกือบเต็มวงเงินกู้แล้ว ดังนั้นหากจะต้องกู้มาอีก 7 แสนล้านบาท รัฐบาลจะต้องมีการปรับเปลี่ยนกลไกในการใช้เงิน ทั้งเรื่องของหน่วยงานที่จะควบคุมเงินกู้ การตรวจสอบ และการเบิกจ่าย ที่จะต้องทำให้การใช้เงินเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไปถึงมือประชาชน และสามารถที่จะฟื้นฟูเยียวยาได้อย่างแท้จริง “ถ้ามีความจำเป็นก็ต้องกู้ แต่ประเด็นที่สำคัญคือกลไกที่รัฐบาลจะต้องทำอย่างไรให้การใช้เงินกู้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งที่ผ่านมาจากที่ตนเป็นกรรมาธิการติดตามและตรวจสอบการใช้เงินกู้ ต้องยอมรับว่าการใช้เงินยังล่าช้า เบิกจ่ายไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และยังไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อประชาชน มีหลายโครงการที่ทำแล้วไม่สำเร็จ […]

จี้รัฐบาลเปิดข้อมูลจำนวนวัคซีน

                   กรุงเทพฯ 19 พ.ค.- เพื่อไทยอัดนายกฯทำขีดความสามารถไทยล่มสลาย ชี้ปกปิดข้อมูลวัคซีน ทำบริหารสถานการณ์โควิด-19 วิกฤต จี้เปิดจำนวนที่มีชัดเจน นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าการแพร่ระบาดโควิด-19ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยล่าสุด ทั้งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รวบอำนาจในการบริหารจัดการทุกอย่างไว้แต่เพียงผู้เดียว  แสดงให้เห็นถึงการไร้ความสามารถของรัฐบาล ที่บกพร่องตั้งแต่การจองวัคซีน การได้มาซึ่งวัคซีนและการฉีดให้ประชาชนยิ่งล้มเหลวหนักขึ้น เพราะประชาชนจำนวนมากเข้าไม่ถึงวัคซีน  “พล.อ.ประยุทธ์เลือกที่จะไม่พูดความจริงกับประชาชน จนถึงเวลานี้รัฐบาลไม่เคยเปิดเผยว่า ประเทศไทยมีจำนวนวัคซีนเท่าใด ที่พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าจะมีวัคซีนมาเพิ่ม ขอถามว่ารัฐบาลจะนำวัคซีนมาจากไหน จำนวนเท่าใดและมาเมื่อไร รัฐบาลต้องเปิดเผยความจริงกับประชาชน เพราะการเลือกที่จะปกปิดข้อมูลทุกอย่าง กับประชาชน ทำให้ประชาชนหมดความศรัทธาที่มีต่อรัฐบาลของประเทศ”นายนิยม กล่าว นายนิยม กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญความเชื่อมั่นของประเทศที่เคยได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ ถูกพล.อ.ประยุทธ์ ทำลายลงโดยสิ้นเชิง ทั้งสังคม เศรษฐกิจ การลงทุนและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวที่ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะฟื้นกลับมาได้ นักท่องเที่ยวไม่มาเที่ยวประเทศไทย เนื่องจากรัฐไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยวได้ หนักที่สุดคือนักลงทุนเขาไม่มา เพราะรัฐบาลทำลายขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าลง ดังนั้นผลที่ออกมาคือไทยไม่ได้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญด้านการลงทุนในภูมิภาคนี้แล้ว.- สำนักข่าวไทย      

เสนอปล่อยตัวชั่วคราวและพักโทษ ลดโควิดในเรือนจำ

รัฐสภา 19 พ.ค.-ปธ.กมธ.สิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา ทำหนังสือถึงนายกฯ เสนอแนวทางปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องขังและพักโทษ ลดการระบาดโควิด-19เรือนจำ  นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค ของวุฒิสภา เปิดเผยว่าได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เสนอ 5 แนวทางมาตรการในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือโควิด-19  โดยขอให้รัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนป้องกันให้เพียงพอมีระบบและแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนที่ชัดเจนเพื่อลดปัญหาความสับสนของประชาชนในการเข้าถึงวัคซีน และควรคำนึงสิทธิของประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น คนพิการผู้สูงอายุ กลุ่มบุคคลที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบเทคโนโลยี ให้สามารถเข้าถึงสิทธิ์ในการได้รับวัคซีน  สำหรับการแพร่ระบาดในเรือนจำจำนวนมากนั้น นายสมชายเสนอว่า กรมราชทัณฑ์ ควรพิจารณา แนวทางการปล่อยชั่วคราวสำหรับผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดีและคดียังไม่ถึงที่สุด หรือนำมาตรการพักโทษมาบังคับใช้เพื่อลดความแออัดและการแพร่ระบาดโรค  โดยต้องกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวในมิติด้านกฎหมาย เพื่อไม่ให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมได้รับผลกระทบจากกฎหมายที่บังคับใช้ “ก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขังหรือนักโทษที่เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ ให้มีการคัดกรองค้นหาเชื้อและส่งตัวเข้าพื้นที่ควบคุมโรคของรัฐบาลก่อนการปล่อยตัวสู่สังคม สำหรับผู้ติดเชื้อควรมีมาตรการส่งไปยังโรงพยาบาลของรัฐหรือโรงพยาบาลสนามที่มีมาตรการควบคุมป้องกันการหลบหนีตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ หรืออาจให้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามแยกรักษาผู้ป่วยจากเรือนจำเป็นการเฉพาะในพื้นที่ทหารแต่ละจังหวัด รวมทั้งควรเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้แก่ผู้ต้องขังนักโทษและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำและทัณฑสถาน”นายสมชายกล่าว นายสมชายเสนอด้วยว่า รัฐบาลควรมีการปรับกลยุทธ์ในการสื่อสารเพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในมาตรการควบคุมและการเข้าถึงวัคซีนอย่างถูกต้องและรวดเร็ว เพื่อป้องกันให้เกิดความสับสนของประชาชน หรือป้องกันเฟคนิวส์ด้วย.- สำนักข่าวไทย      

ชื่นชมภาคเอกชนช่วยกระจายวัคซีน

กรุงเทพฯ 12 พ.ค.-นายกรัฐมนตรีชื่นชมภาคเอกชนช่วยกระจายวัคซีนรวดเร็วทั่วถึง ตั้งเป้ามิ.ย.ปูพรมระดมฉีดวัคซีน พลเอกประยทุธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  เปิดเผยหลังเยี่ยมชมศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว  ว่ามีความพร้อมเต็มที่ในการให้บริการประชาชน  เดินทางสะดวก ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย โล่งโปร่ง ไม่แออัด และจัดระบบการทางานอย่างมีประสิทธิภาพบริการได้รวดเร็ว ซึ่งตนขอขอบคุณคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน(กกร.) ทั้ง 3 สถาบัน ได้แก่สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรมและสมาคมธนาคารไทย ที่เสนอตัวเข้ามาช่วยให้การกระจายวัคซีนสู่ประชาชนได้รวดเร็วและทั่วถึง ซึ่งตามเป้าหมายที่เดือนมิถุนายนี้รัฐบาลจะปูพรมระดมฉีดวัคซีนเข็มแรก เพราะการฉีดวัคซีนเพียงเข็มแรกจะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อลดความรุนแรงของอาการได้มาก พลเอกประยทุธ์กล่าวว่ารัฐบาลมีเป้าหมายให้คนไทยทกุคนได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างรวดเร็ว โดยในเดือนพฤษภาคมนี้ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขได้ฉีดเกือบครบทุกคนแล้วเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ บุคลากรด่านหน้ารวมทั้งเร่งระดมฉีดให้กลุ่มเฉพาะกิจในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง เช่นสมุทรสาคร และชุมชนคลองเตย เพื่อตัดวงจรแพร่ระบาด และตั้งเป้าว่า เดือนมิถุนายนนี้จะเร่งเครื่องปูพรมระดมฉีดให้กับ กลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว  7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และจากนนั้นจะเร่งฉีดให้ประชาชนทั่วไปทันที “ยังมีความห่วงใยกลุ่มคนทำงาน ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางบ่อย หรือพบปะคนจำนวนมากเช่นพนักงานส่งของ ผู้ขับรถสาธารณะ พนักงานขายร้านสะดวกซื้อ พนักงานบริการในร้านอาหาร พนักงานภาคการท่องเที่ยวและโรงแรมหรือในภาคธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจของประเทศ โดยตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไปรัฐบาลจะร่วมมือกับภาคเอกชนเตรียมฉีดวัคซีนให้กับคนกลุ่มนี้เร็วขึ้น โดยให้พนักงานที่มีความเสี่ยงทะยอยรับบริการได้ที่หน่วยฉีด หากคนกลุ่มนี้ได้ฉีดวัคซีนเร็วจะช่วยลดการแพร่ระบาดและยังช่วยฟืนฟูศรษฐกิจได้เร็วขึ้นด้วย”นายกรัฐมนตรีกล่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันด้วยว่าในด้านการจัดหาวัคซีน […]

นายกฯ ตรวจสถานที่ฉีดวัคซีนนอก รพ.

นายกรัฐมนตรีตรวจความพร้อมสถานที่ฉีดวัคซีนนอก รพ. ประกาศหลังโควิด-19 ประเทศไทยจะดีขึ้น มอบ “สธ.-มท.” หาแนวทางกระตุ้นคนให้ร่วมมือฉีดวัคซีน

เข้มงวดชายแดน พบลักลอบเข้าวันละ 100 คน

ศบค.เผยติดเชื้อโควิดเสียชีวิตนิวไฮเพิ่ม 34 ราย ห่วงผู้ป่วยอาการหนักไม่ลด 1,226 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 401 ราย เข้มงวดชายแดนหลังพบลักลอบเข้าวันละ 100 คน ย้ำภายในธ.ค.นี้ คนไทย 70% จะได้รับวัคซีน

ปชป.ยกร่างรธน.เสร็จ6ร่างเตรียมคุยพรรคร่วม

กรุงเทพฯ 12 พ.ค.-“จุรินทร์”เผยปชป.ยกร่างแก้รธน.เสร็จแล้ว 6 ร่าง เตรียมหารือพรรคร่วมรัฐบาล ยึดหลักไม่ให้ถอยหลังเข้าคลอง และต้องเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่ต้องทำควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยพรรคประชาธิปัตย์ยังคงเดินหน้าแก้รายมาตรา ซึ่งขณะนี้ยกร่างเสร็จแล้ว 6 ร่าง และได้นำเสนอไปยังพรรคภูมิใจไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเมื่อเปิดสภาผู้แทนราษฎรคงได้มีการตัดสินใจร่วมกัน เบื้องต้นแนวทางที่เห็นตรงกันคือควรแก้ไขรายมาตรา เดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ไม่ใช่แก้แล้วถอยหลังเข้าคลอง “ต้องดูว่ามาตรานั้นๆ นำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นหรือไม่ ถ้าถอยหลังเข้าคลองแล้ว การไปร่วมก็จะกลายเป็นทำให้รัฐธรรมนูญติดลบหนักเข้าไปอีก ประชาธิปไตยก็ติดลบหนักเข้าไปอีกด้วย มันควรจะต้องบวกขึ้น หลักของพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้ว “นายจุรินทร์ กล่าว นายจุรินทร์ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ ชุมชนวัดดวงแขมอบ ถุงยังชีพและข้าวกล่องให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในวันนี้ว่าเป็นเรื่องของการช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ไม่ใช่การลงพื้นที่เพราะมีสัญญาณว่าจะมีการเลือกตั้ง และขออย่ารังเกียจพรรคการเมือง เพราะสุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์คือประชาชน.- สำนักข่าวไทย      

นายกฯ ประชุมทีมเศรษฐกิจช่วยเหลือผลกระทบโควิด-19

นายกฯ ประชุมทีมเศรษฐกิจหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบโควิด-19 ก่อนที่บ่ายนี้เยี่ยมจุดกระจายวัคซีนศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว

1 4 5 6 7 8 22