กรุงเทพฯ 12 พ.ค.-นายกรัฐมนตรีชื่นชมภาคเอกชนช่วยกระจายวัคซีนรวดเร็วทั่วถึง ตั้งเป้ามิ.ย.ปูพรมระดมฉีดวัคซีน
พลเอกประยทุธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังเยี่ยมชมศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ว่ามีความพร้อมเต็มที่ในการให้บริการประชาชน เดินทางสะดวก ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย โล่งโปร่ง ไม่แออัด และจัดระบบการทางานอย่างมีประสิทธิภาพบริการได้รวดเร็ว ซึ่งตนขอขอบคุณคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน(กกร.) ทั้ง 3 สถาบัน ได้แก่สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรมและสมาคมธนาคารไทย ที่เสนอตัวเข้ามาช่วยให้การกระจายวัคซีนสู่ประชาชนได้รวดเร็วและทั่วถึง ซึ่งตามเป้าหมายที่เดือนมิถุนายนี้รัฐบาลจะปูพรมระดมฉีดวัคซีนเข็มแรก เพราะการฉีดวัคซีนเพียงเข็มแรกจะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อลดความรุนแรงของอาการได้มาก
พลเอกประยทุธ์กล่าวว่ารัฐบาลมีเป้าหมายให้คนไทยทกุคนได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างรวดเร็ว โดยในเดือนพฤษภาคมนี้ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขได้ฉีดเกือบครบทุกคนแล้วเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ บุคลากรด่านหน้ารวมทั้งเร่งระดมฉีดให้กลุ่มเฉพาะกิจในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง เช่นสมุทรสาคร และชุมชนคลองเตย เพื่อตัดวงจรแพร่ระบาด และตั้งเป้าว่า เดือนมิถุนายนนี้จะเร่งเครื่องปูพรมระดมฉีดให้กับ กลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และจากนนั้นจะเร่งฉีดให้ประชาชนทั่วไปทันที
“ยังมีความห่วงใยกลุ่มคนทำงาน ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางบ่อย หรือพบปะคนจำนวนมากเช่นพนักงานส่งของ ผู้ขับรถสาธารณะ พนักงานขายร้านสะดวกซื้อ พนักงานบริการในร้านอาหาร พนักงานภาคการท่องเที่ยวและโรงแรมหรือในภาคธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจของประเทศ โดยตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไปรัฐบาลจะร่วมมือกับภาคเอกชนเตรียมฉีดวัคซีนให้กับคนกลุ่มนี้เร็วขึ้น โดยให้พนักงานที่มีความเสี่ยงทะยอยรับบริการได้ที่หน่วยฉีด หากคนกลุ่มนี้ได้ฉีดวัคซีนเร็วจะช่วยลดการแพร่ระบาดและยังช่วยฟืนฟูศรษฐกิจได้เร็วขึ้นด้วย”นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันด้วยว่าในด้านการจัดหาวัคซีน รัฐบาลยืนยันจะ จัดหาวัคซีนให้เพียงพอและทั่วถึงต่อคนไทยทุกคน รวมทั้งชาวต่างชาติที่พักอยู่ในไทย โดยจะจัดหาเพิ่มจาก 100 ล้านโดสเป็น 150 ล้านโดส ซึ่ง 100 ล้านโดสแรกรัฐบาลได้เจรจากับผู้ผลิตแล้ว โดยวัคซีนล็อตใหญ่ของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทยจะส่งมอบได้สิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนของผู้ผลิตรายอื่นๆจะทยอยจัดส่งมา ซึ่งรัฐบาลจะร่วมมือกับทุกฝ่ายทำงานแข่งกับเวลาเพื่อปกป้องคนไทยทุกคนให้พ้นจากโควิด19 เพราะสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมออาจมีสายพันธุ์ใหม่ที่มีความรุนแรงมากขึ้น แต่การฉีดวัคซีนจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันลดโอกาส ในการติดเชื้อและลดความรุนแรงของอาการ จึงต้องเร่งฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดตามเป้าหมายคือเดือนมิถุนายนนี้.- สำนักข่าวไทย