Manapa Sirisomboon

นนทบุรี 25 ม.ค.-รมว.พณ.เตรียมหาลู่ทางเพิ่มช่องทางระบายสินค้าเกษตรผ่านสถานีบริการน้ำมัน หวังช่วยลดปริมาณผลผลิตล้นตลาดเข้าถึงผู้บริโภคง่าย พร้อมเล็งใช้อินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนกว่า 30 คนที่มีคนติดตาม 200-300 ล้านคนมาช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าไทยในตลาดจีน มั่นใจสินค้า GI ไทยสร้างมูลค่าเพิ่มได้จริง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังปรับรูปแบบแนวทางการช่วยเหลือระบายสินค้าภาคการเกษตรให้มีช่องทางจำหน่ายแบบเข้าถึงมือผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งจะเน้นการระบายสินค้าเกษตรใช้วิธีการใหม่ๆ เช่น ระบายผ่านสถานีบริการน้ำมัน เป็นจัดการรับมือสินค้าเกษตรในช่วงที่ปริมาณเริ่มออกสู่ตลาดมากจะได้ไม่ถูกกดราคารับซื้อเหมือนที่ผ่านๆมา ซึ่งในรูปแบบต่างๆอยู่ระหว่างการจัดทำเพื่อจะนำไปพูดคุยกับภาคเอกชนต่างๆกันได้ต่อไป นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังมีแนวความคิดที่จะใช้อินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนประมาณ 30 ราย ที่มีคนติดตาม 200-300 ล้านคน มาช่วยไลฟ์สดขายสินค้าไทยรวมไปถึงซีรีส์วายที่จะเป็นเครื่องมือช่วยขายสินค้าไทยอีกช่องทางหนึ่ง รวมถึงที่ไปจีนยังได้คุยกับบริษัทค้าน้ำมันที่มีสถานีบริการถึง 30,000 สถานี และร้านมินิมาร์ท 20,000 แห่งได้นำเสนอช่วยกระจายสินค้าของไทยด้วย และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้นำคณะเยือนสหรัฐอเมริกาและมีโอกาสไปทานร้านอาหารไทยมีการเอาอินฟลูเอนเซอร์ 27 คน มาทำคอนเทนต์อาหารไทย และหากนำคนกลุ่มนี้มาเป็นผู้กระจายคอนเทนต์อาหารไทยก็เชื่อว่าคนในสหรัฐจะมีความต้องการสินค้าอาหารไทยเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย สำหรับ เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์มองว่า จุดเริ่มต้นของการค้ามูลค่าสูงอยู่ที่ทรัพย์สินทางปัญญา เชื่อมประสานกับส่วนต่างๆ องค์ความรู้ และมีสินค้าจีไอ (Geographical Indication) ที่ตอนนี้ขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 130 รายการ สินค้าเกษตรเช่น ข้าวหอมมะลิ(เชียงราย) ทุเรียนหมอนทอง(จันทบุรี) […]

กรุงเทพฯ 25 ม.ค.- กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยบอร์ดตลาดหลักทรัพย์นัดประชุม 6 ก.พ.นี้ นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์มีกำหนดประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อหารือถึงแนวทางการดำเนินงานของ ตลท. ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ ภายหลังกรรมการใหม่ 5 คน ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนคนเดิมที่หมดวาระ ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรรมการชุดใหม่จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนไทยได้หรือไม่  นายภากรกล่าวว่า ต้องคำนึงถึง 2 เรื่องคือ การปรับให้ตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร และสถานการณ์เศรษฐกิจมีการปรับตัวอย่างไรที่จะส่งผลต่อตลาดทุน ซึ่งตนให้น้ำหนักทั้งคู่ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการพัฒนามาตลอด ต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจ ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ มาศึกษากระบวนการวิเคราะห์กับกระบวนการทำงานนั้น  คาดว่าจะได้ผลสรุปการศึกษาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ สำหรับการที่เงินทุนไหลในช่วงที่ผ่านมานั้น ตนเองมองว่า เป็นภาวะที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่เงินทุนเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ หากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐปรับลดลง สภาพคล่องสูงขึ้น ตลาดทุนมีศักยภาพ คาดว่าเงินทุนจะไหลกลับเข้ามาได้. -517-สำนักข่าวไทย

กรุงเทพฯ 25 ม.ค.- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดเสวนาและเปิดตัวหนังสือ“สูตรสำเร็จธุรกิจครอบครัวไทย : ในโลกความเปลี่ยนแปลง”ซึ่งประพันธ์โดย ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ ธนาคารไทยเครดิต จำกัด(มหาชน)และกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยในการเปิดตัวหนังสือครั้งนี้ ได้มีพิธีมอบค่าลิขสิทธิ์หนังสือเล่มดังกล่าวให้กับบริษัท ชีวามิตร วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด จำนวน 2 แสน 2 หมื่น 5 พันบาทด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ ได้กล่าวถึงหนังสือเล่มนี้ ว่า ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2546 และจัดพิมพ์รวมเล่มครั้งแรกในปี 2554 จำนวน 5,000 เล่ม จัดพิมพ์ครั้งที่สองในปี 2562 จำนวน 8,000 เล่มและจัดพิมพ์ครั้งที่สามในปีนี้ 2567 จำนวน 5,000 เล่ม สำหรับหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หนังสือมีความยาว 400 กว่าหน้า ถ้าใครได้อ่านจะได้เห็นภาพของธุรกิจครอบครัวซึ่งมีคนเคยถามว่า ถ้าอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว จะประสบความสำเร็จหรือไม่ซึ่งตนเองมองว่า ยังพิสูจน์ไม่ได้เพราะหนังสือเพิ่งจะผ่านการประพันธ์มาเพียง 21 ปี […]

นนทบุรี 25 ม.ค. – กฟผ. ร่วมกับ อ.อ.ป. ศึกษาพื้นที่ศักยภาพปลูกพืชพลังงานเพื่อเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลให้กับโรงไฟฟ้า หวังเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด เพิ่มปริมาณการดูดซับกักเก็บคาร์บอน เดินหน้าประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์    วานนี้ (24 มกราคม 2567) ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง รักษาการผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และนายสุกิจ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อศึกษาพื้นที่ที่มีศักยภาพในการผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลสำหรับโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ณ อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่ จ.นนทบุรี ดร.จิราพร ศิริคำ รักษาการผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า การผลิตและจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลมาผสมร่วมกับถ่านหินให้กับโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง จำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการปลูกไม้โตเร็ว กฟผ. จึงร่วมกับ อ.อ.ป. ศึกษาและประเมินพื้นที่ที่มีศักยภาพสำหรับปลูกพืชพลังงานชีวมวล เพื่อให้ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลสำหรับผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลให้กับโรงไฟฟ้าของ กฟผ  ซึ่งผลการศึกษาจะสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยี อีกทั้งยังถือเป็นก้าวสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มศักยภาพการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากภาคป่าไม้ ซึ่งนอกจากจะเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน ในการพัฒนาอาชีพ […]

กรมธนารักษ์ ทบทวนราคาประเมินที่ดิน 11 ล้านแปลง บังคับใช้รอบปี 70-74 ระบุฐานเดิมช่วงโควิด-19 ขยับเพียงร้อยละ 2.7 ยอมรับ “แลนด์บริดจ์ ภาคใต้” ราคาอาจเพิ่มตามความเจริญ

กรุงเทพฯ 25 ม.ค.-ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้ารู้สึกกังวลใจจากตัวเลขอัตราเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 66 โตแค่ร้อยละ 1.8 ถือว่าต่ำเกินคาด ทั้งที่ตัวเลขหลายสำนักมองเศรษฐกิจน่าจะโตเกินร้อยละ 2.5 ขึ้นไป ย้ำเศรษฐกิจปี 67 หากไม่มีนโยบายการคลังและมาตรการด้านการเงินเสริมโอกาสเห็นตัวเลขเศรษฐกิจต่ำกว่าร้อยละ 3 เป็นไปได้สูง รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจกล่าวถึงตัวเลขอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 66 ที่กระทรวงการคลังแถลงออกมาเติบโตเพียงร้อยละ 1.8 ถือว่าเป็นอัตราต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากและเป็นเรื่องที่น่ากังวลและเกินคาด และยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 67 จะโตต่ำกว่าร้อยละ 3 หรือเติบโตเพียงร้อยละ 2.8 เท่านั้น เป็นสิ่งที่ต้องมาวิเคราะห์และประเมินว่าเกิดจากปัญหาหรือมีอุปสรรค์อะไรที่มีการคาดการณ์ตัวเลขดังกล่าวออกมา อย่างไรก็ตาม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะต้องกลับมาวิเคราะห์ว่าจะใช้แนวทางใดเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยกลับเติบโตเกินร้อยละ 3 โดยเห็นว่ามาตรการที่จะต้องเดินหน้าควบคู่กันไป คือ มาตรการด้านการคลังและมาตรการด้านนโยบายการเงินที่จะต้องออกมาเสริมให้เศรษฐกิจปี 67 มีความจำเป็นอย่างยิ่ง แม้เป็นที่ทราบนโยบายด้านการคลังขณะนี้มีขั้นตอนการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 กำลังเดินหน้า คาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ในช่วงกลางปีนี้ ขณะที่นโยบายด้านการเงินหน่วยงานที่กำกับดูแลจะต้องพิจารณาผ่อนคลายเพื่อให้มีเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบและลดต้นทุนด้านสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการพร้อมเสริมสินเชื่อใหม่ๆให้กับผู้ประกอบการโดยผ่านธนาคารของรัฐ นอกจากนี้ หากดูตัวเลขอัตราการเติบโตในปี 67 ที่คาดว่าจะโตเพียงแค่ร้อยละ 2.8 ตามที่กระทรวงการคลังคาดไว้ ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำ ดังนั้น […]