นักวิชาการกังวลเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าที่คาดไว้

กรุงเทพฯ 25 ม.ค.-ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้ารู้สึกกังวลใจจากตัวเลขอัตราเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 66 โตแค่ร้อยละ 1.8 ถือว่าต่ำเกินคาด ทั้งที่ตัวเลขหลายสำนักมองเศรษฐกิจน่าจะโตเกินร้อยละ 2.5 ขึ้นไป ย้ำเศรษฐกิจปี 67 หากไม่มีนโยบายการคลังและมาตรการด้านการเงินเสริมโอกาสเห็นตัวเลขเศรษฐกิจต่ำกว่าร้อยละ 3 เป็นไปได้สูง


รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจกล่าวถึงตัวเลขอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 66 ที่กระทรวงการคลังแถลงออกมาเติบโตเพียงร้อยละ 1.8 ถือว่าเป็นอัตราต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากและเป็นเรื่องที่น่ากังวลและเกินคาด และยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 67 จะโตต่ำกว่าร้อยละ 3 หรือเติบโตเพียงร้อยละ 2.8 เท่านั้น เป็นสิ่งที่ต้องมาวิเคราะห์และประเมินว่าเกิดจากปัญหาหรือมีอุปสรรค์อะไรที่มีการคาดการณ์ตัวเลขดังกล่าวออกมา

อย่างไรก็ตาม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะต้องกลับมาวิเคราะห์ว่าจะใช้แนวทางใดเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยกลับเติบโตเกินร้อยละ 3 โดยเห็นว่ามาตรการที่จะต้องเดินหน้าควบคู่กันไป คือ มาตรการด้านการคลังและมาตรการด้านนโยบายการเงินที่จะต้องออกมาเสริมให้เศรษฐกิจปี 67 มีความจำเป็นอย่างยิ่ง แม้เป็นที่ทราบนโยบายด้านการคลังขณะนี้มีขั้นตอนการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 กำลังเดินหน้า คาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ในช่วงกลางปีนี้ ขณะที่นโยบายด้านการเงินหน่วยงานที่กำกับดูแลจะต้องพิจารณาผ่อนคลายเพื่อให้มีเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบและลดต้นทุนด้านสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการพร้อมเสริมสินเชื่อใหม่ๆให้กับผู้ประกอบการโดยผ่านธนาคารของรัฐ


นอกจากนี้ หากดูตัวเลขอัตราการเติบโตในปี 67 ที่คาดว่าจะโตเพียงแค่ร้อยละ 2.8 ตามที่กระทรวงการคลังคาดไว้ ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำ ดังนั้น หากมาตรการด้านการคลังและมาตราการด้านการเงินสามารถเดินหน้าไปได้เต็มที โอกาสที่เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตเกินร้อยละ 3 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปี 67 น่าจะโตเกินร้อยละ 3 ได้ และหากมีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 3.2 แต่สิ่งที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการควบคู่กันไป คือ มีโครงการลงทุนใหม่ๆให้เกิดขึ้น ไปพร้อมมาตรการเติบสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจเอสเอ็มอีไทยเพื่อให่เศรฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้.-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง