เกาหลีใต้มีหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูงที่สุดในโลก

โซล 15 พ.ย.- เกาหลีใต้มีหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) สูงที่สุดในบรรดา 37 เขตเศรษฐกิจ รวมทั้งไทย สถาบันการเงินสากล ซึ่งเป็นสมาคมสำหรับอุตสาหกรรมบริการการเงินโลก เผยรายงานในวันนี้ว่า นับถึงสิ้นเดือนมิถุนายนปีนี้ เกาหลีใต้มีหนี้ครัวเรือนสาธารณะร้อยละ 104.2 ของจีดีพี มากที่สุดในบรรดา 37 เขตเศรษฐกิจ รองลงมาคือฮ่องกงร้อยละ 92 ของจีดีพี อังกฤษร้อยละ 89.4 ของจีดีพี สหรัฐร้อยละ 79.2 ของจีดีพี ไทยร้อยละ 77.5 ของจีดีพี มาเลเซียร้อยละ 73.4 และญี่ปุ่นร้อยละ 63.9 เกาหลีใต้เป็นประเทศเดียวในโลกที่หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีมากกว่าขนาดเศรษฐกิจประเทศ และเพิ่มขึ้นต่อปีเร็วที่สุดในโลก คือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 6 จากปีก่อน ข้อมูลของธนาคารกลางเกาหลีใต้ระบุว่า สินเชื่อครัวเรือนทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,805.9 ล้านล้านวอน (ราว 50 ล้านล้านบาท) ในเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 41.2 ล้านล้านวอน (ราว 1.14 ล้านล้านบาท) จากเมื่อ […]

ออสเตรียประกาศล็อกดาวน์คนไม่ฉีดวัคซีนโควิด

เวียนนา 15 พ.ย. – ออสเตรียประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในกลุ่มประชาชนหลายล้านคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 หรือฉีดวัคซีนไม่ครบโดสตั้งแต่วันนี้ เพื่อรับมือกับยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นและบรรเทาภาวะตึงตัวในโรงพยาบาล นายกรัฐมนตรีอเล็กซานเดอร์ ชาลเลนแบร์ก ของออสเตรีย กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในกลุ่มประชาชนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนโควิดหรือฉีดวัคซีนไม่ครบโดส โดยประชาชนกลุ่มดังกล่าวจะสามารถออกนอกบ้านได้ด้วยเหตุผลที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ไปทำงาน หรือซื้อของใช้จำเป็น เพื่อลดการสัมผัสระหว่างผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิดครบโดสกับผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนหรือฉีดไม่ครบโดส ทั้งนี้ การประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งล่าสุดของออสเตรียถือเป็นการยกระดับข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ใช้ในประชาชนกลุ่มดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อน เช่น คำสั่งห้ามผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเข้าร้านอาหาร โรงแรม โรงภาพยนตร์ และขึ้นกระเช้าไฟฟ้าสำหรับนำผู้เล่นสกีหิมะขึ้นสู่เนินเขา ออสเตรียมีประชาชนฉีดวัคซีนโควิดครบโดสร้อยละ 65 จากประชากรทั้งหมดราว 9 ล้านคน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราฉีดวัคซีนในระดับต่ำของภูมิภาคยุโรปตะวันตก เนื่องจากชาวออสเตรียบางส่วนไม่เชื่อในประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด ซึ่งเป็นมุมมองที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคอิสรภาพ (Freedom Party) ของออสเตรีย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวาจัดและเป็นพรรคใหญ่อันดับสาม ขณะนี้ ออสเตรียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 959,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 11,700 คน. -สำนักข่าวไทย

เศรษฐกิจญี่ปุ่นไตรมาส 3 ของปีนี้หดตัวกว่าที่คาด

โตเกียว 15 พ.ย.- เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาส 3 ของปีนี้หดตัวร้อยละ 3 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนและการผลิตยานยนต์ได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแถลงวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) ที่วัดมูลค่าสินค้าและบริการของประเทศ ในไตรมาสเดือนกรกฎาคม-กันยายนลดลงร้อยละ 0.8 จากไตรมาสเดือนเมษายน-มิถุนายน ซึ่งจีดีพีขยายตัวร้อยละ 0.4 ส่วนไตรมาสเดือนมกราคม-มีนาคมจีดีพีหดตัวร้อยละ 1.1 จีดีพีญี่ปุ่นไตรมาส 3 หดตัวร้อยละ 3 ต่อปี มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะหดตัวร้อยละ 0.8 และหดตัวร้อยละ 0.8 ต่อไตรมาส มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะหดตัวร้อยละ 0.2 ญี่ปุ่นไม่เคยใช้มาตรการล็อกดาวน์ แต่ขอให้ภาคธุรกิจปิดหรือจำกัดเวลาให้บริการเป็นครั้งคราวตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และขอให้ใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม มาตรการจำกัดเหล่านี้กระทบต่อการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน โดยทำให้การบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 3 ลดลงร้อยละ 1.1 จากไตรมาส 2 ขณะเดียวกันการที่หลายประเทศในเอเชียที่ผลิตชิปคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนยานยนต์ล็อกดาวน์นานหลายเดือน ทำให้ญี่ปุ่นเกิดภาวะขาดแคลน กระทบต่อการผลิตและจำหน่ายยานยนต์ โตโยตามอเตอร์คอร์ป ผู้ผลิตยานยนต์ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นคาดว่า การผลิตจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเดือนหน้า เพราะสถานการณ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดีขึ้นแล้ว.-สำนักข่าวไทย

เผยร่างข้อตกลงฉบับใหม่ COP26 ดันแก้โลกร้อนมากขึ้น

กลาสโกว์ 12 พ.ย. – ร่างข้อตกลงฉบับใหม่ที่เขียนขึ้นในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ของสกอตแลนด์ในวันนี้กดดันให้ประเทศต่าง ๆ ลงมือมากขึ้นในการวางแผนต่อสู้กับปัญหาโลกร้อน แต่ยังคงมีความก้ำกึ่งระหว่างประเทศกำลังพัฒนาและประเทศร่ำรวย สำนักข่าวรอยเตอร์สตั้งข้อสังเกตว่า แม้ร่างข้อตกลงฉบับใหม่ยังคงระบุถึงความต้องการหลักของประเทศต่าง ๆ ในการให้คำมั่นสัญญาด้านสภาพอากาศที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในปีหน้า แต่กลับใช้ถ้อยคำที่เบากว่าร่างข้อตกลงฉบับเดิมที่ขอให้ประเทศต่าง ๆ เลิกใช้น้ำมันเชื้อเพลงฟอสซิลอย่างค่อยเป็นค่อยไป และพยายามสร้างสมดุลเพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศที่เสี่ยงได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาพภูมิอากาศและประเทศขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่ต้องพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิล นอกจากนี้ แม้ประเทศยากจนจะเห็นด้วยกับการให้ประเทศต่าง ๆ ให้คำมั่นสัญญาเพื่อเพิ่มเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศในปีหน้า และต้องการให้ลงมือมากขึ้นเพื่อรับมือกับภัยน้ำท่วมและไฟป่าที่รุนแรง รวมถึงระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ร่างข้อตกลงฉบับใหม่ก็ใช้ถ้อยคำที่เบากว่าร่างฉบับเดิมและล้มเหลวในเรื่องการทบทวนเป้าหมายประจำปีด้านสภาพภูมิอากาศที่ประเทศกำลังพัฒนาได้ผลักดันให้เกิดขึ้น ร่างข้อตกลงฉบับใหม่ยังระบุว่า การยกระดับคำมั่นสัญญาของแต่ละประเทศควรคำนึงถึงสถานการณ์ที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ ซึ่งหมายถึงความแตกต่างระหว่างประเทศร่ำรวยและประเทศยากจน สำนักข่าวรอยเตอร์สตั้งข้อสังเกตว่า การใช้ถ้อยคำดังกล่าวถือเป็นการปลอบใจประเทศกำลังพัฒนาที่อ้างว่าไม่ยุติธรรมที่จะให้พวกเขาเลิกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิลและลดการปล่อยมลพิษในระดับเท่ากับประเทศร่ำรวย ซึ่งปล่อยมลพิษมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกและมีความรับผิดชอบสูงกว่าต่อปัญหาสภาพภูมิอากาศ.-สำนักข่าวไทย

ผลวิจัยชี้วัคซีนโควาซินของอินเดียต้านโควิด 77.8%

นิวเดลี 12 พ.ย. – วารสารการแพทย์เดอะแลนเซต เผยผลการวิจัยที่ระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่พัฒนาโดยสภาวิจัยการแพทย์แห่งอินเดียและภารัต ไบโอเทค บริษัทเวชภัณฑ์ของอินเดีย หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘โควาซิน’ มีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 ได้ร้อยละ 77.8 เดอะแลนเซตระบุในรายงานว่า วัคซีนโควาซิน ซึ่งใช้เทคโนโลยีวัคซีนเชื้อตาย สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดีหลังฉีดวัคซีนครบสองโดสเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และไม่พบผู้เสียชีวิตหรือผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ที่มีความเชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนดังกล่าวในการทดลองแบบสุ่มที่มีอาสาสมัครชาวอินเดียอายุ 18-97 ปีเข้าร่วมจำนวน 24,419 คนในช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2563 ถึงเดือนพฤษภาคมปีนี้ อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวระบุว่า จำเป็นต้องศึกษาวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนโควาซินในระยะยาวต่อไป ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในด้านการป้องกันอาการป่วยหนัก การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และการเสียชีวิต รวมถึงประสิทธิภาพป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาและเชื้อโควิดที่องค์การอนามัยโลกจัดอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่ากังวล ทั้งนี้ ผลการศึกษาดังกล่าว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภารัต ไบโอเทค และสภาวิจัยการแพทย์แห่งอินเดีย สอดคล้องกับการเปิดเผยประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนโควาซินของภารัต ไบโอเทคในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศรับรองการใช้วัคซีนโควาซินเป็นกรณีฉุกเฉินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว.-สำนักข่าวไทย

“สุนิสา ลี” นักกีฬาเชื้อสายม้งถูกทำร้ายจากปัญหาเหยียดเอเชีย

ลอสแอนเจลีส 13 พ.ย. – สุนิสา ลี นักยิมนาสติกหญิงทีมชาติสหรัฐ ที่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายม้ง วัย 18 ปี และเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2020 เผยว่า เธอเพิ่งโดนฉีดพ่นสเปรย์พริกไทยใส่เนื่องจากปัญหาต่อต้านชาวเอเชียในสหรัฐ ในขณะที่ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ในนครลอสแอนเจลีสของรัฐแคลิฟอร์เนีย สุนิสา ลี ให้สัมภาษณ์กับป๊อปชูการ์ สื่อของสหรัฐเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า ในขณะที่เธอและเพื่อน ๆ กำลังยืนรอรถโดยสารของอูเบอร์อยู่ มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นผ่านและคนในรถก็ฉีดพ่นสเปรย์พริกไทยใส่แขนเธอแล้วขับรถจากไป เธอรู้สึกโมโหมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาขับรถหนีไปแล้ว ทั้งนี้ สุนิสา ลี มีชื่อเสียงโด่งดังหลังสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2020 จากกีฬายิมนาสติกในประเภทอุปกรณ์รวมมาครองในปีนี้ ซึ่งถือเป็นการป้องกันแชมป์ของสหรัฐต่ออีกสมัยหลังจากที่ซิโมน ไบลส์ นักยิมนาสติกชาวอเมริกัน วัย 24 ปี และเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2016 ประเภทอุปกรณ์รวม ประกาศถอนตัวจากการแข่งขันกะทันหันในปีนี้เนื่องจากปัญหาสภาพจิตใจ ข้อมูลของสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ หรือเอฟบีไอ ระบุว่า สหรัฐเผชิญกับปัญหาต่อต้านชาวเอเชียพุ่งสูงขึ้นในปี 2563 โดยที่นักเคลื่อนไหวหลายรายให้ความเห็นว่าเป็นผลมาจากวาทกรรมของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่มักเรียกเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 […]

ศาลเมียนมาตัดสินจำคุกนักข่าวอเมริกัน 11 ปี

ย่างกุ้ง 12 พ.ย. – ศาลเมียนมาตัดสินจำคุกนายแดนนี เฟนสเตอร์ นักข่าวชาวอเมริกันที่ถูกควบคุมตัวตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เป็นเวลา 11 ปีในวันนี้ ทนายความของนายเฟนสเตอร์ วัย 37 ปี ซึ่งเป็นอดีตบรรณาธิการบริหารของฟรอนเทียร์ เมียนมา สำนักข่าวอิสระชั้นนำ ยืนยันกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ศาลเมียนมาได้ตัดสินจำคุกนายเฟนสเตอร์เป็นเวลา 11 ปีจริง แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม ขณะที่สำนักข่าวฟรอนเทียร์ เมียนมา ซึ่งเป็นนายจ้างของนายเฟนสเตอร์ ระบุว่า นายเฟนสเตอร์ถูกตัดสินจำคุก 11 ปีจากข้อหายุยงปลุกปั่น ละเมิดกฎหมายคนเข้าเมือง และมีส่วนร่วมในการกระทำผิดกฎหมาย ด้านนายโทมัส คีน บรรณาธิการบริหารของสำนักข่าวฟรอนเทียร์ เมียนมา คนปัจจุบัน กล่าวว่า ไม่มีหลักฐานใดที่พิสูจน์ว่านายเฟนสเตอร์มีความผิดและต้องรับโทษจากข้อกล่าวหาเหล่านี้ ทุกคนที่สำนักข่าวฟรอนเทียร์ เมียนมา รู้สึกผิดหวังและคับข้องใจกับคำตัดสินดังกล่าว และต้องการให้นายเฟนสเตอร์ได้รับการปล่อยตัวเพื่อกลับไปพบหน้าครอบครัวโดยเร็วที่สุด ก่อนหน้านี้ นายเฟนสเตอร์ถูกรัฐบาลทหารเมียนมาจับกุมตัวในขณะที่เขากำลังเดินทางออกจากเมียนมาในเดือนพฤษภาคมและถูกคุมขังที่เรือนจำอินเส่งในนครย่างกุ้งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นอกจากนี้ เขายังถูกเพิ่มข้อหาร้ายแรงเมื่อไม่นานมานี้ ได้แก่ ข้อหาปลุกระดมฝูงชนให้ต่อต้านรัฐบาลและข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งอาจทำให้ได้รับโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปี ขณะที่สหรัฐได้พยายามเรียกร้องให้ทางการเมียนมาปล่อยตัวนายเฟนสเตอร์ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ.-สำนักข่าวไทย

อาลีบาบาทำลายสถิติยอดขายสินค้าช่วงเทศกาลคนโสด

อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิง จำกัด บริษัทยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซข้ามชาติของจีน ทำสถิติยอดสั่งซื้อสินค้าสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 540,000 ล้านหยวน (2.8 ล้านล้านบาท) ในช่วงเทศกาลวันคนโสดตั้งแต่วันที่ 1-11 พ.ย. ซึ่งเป็นยอดขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากปีก่อน

จีนผ่านมติครั้งประวัติศาสตร์ยก “สี จิ้นผิง” เท่า “เหมา เจ๋อตุง”

ปักกิ่ง 12 พ.ย. – พรรคคอมมิวนิสต์จีนผ่านมติครั้งประวัติศาสตร์ในวันพฤหัสบดี เพื่อปูทางให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน สานต่ออำนาจ และยกระดับสถานะทางการเมืองของประธานาธิบดีสีให้เทียบเท่าประธานเหมา เจ๋อตุง ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเติ้ง เสี่ยวผิง อดีตผู้นำคนสำคัญของจีน บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า มติดังกล่าว ซึ่งเป็นการสรุปประวัติศาสตร์ 100 ปี พรรคคอมมิวนิสตร์จีน ได้ระบุถึงผลสำเร็จและทิศทางของพรรคในอนาคต โดยที่การผ่านมติรับรองประธานาธิบดีสีในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อจากประธานเหมาในปี 2488 และอดีตผู้นำเติ้งในปี 2524 ซึ่งถือเป็นการยกระดับสถานะทางการเมืองของประธานาธิบดีสีให้เทียบเท่าประธานเหมาและนายเติ้งที่เป็นบุคคลสำคัญในอดีตของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า มติดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าประธานาธิบดีสีพยายามหวนกลับไปใช้หลักการกระจายอำนาจการปกครองของผู้นำจีนที่เริ่มใช้ในสมัยนายเติ้งไปจนถึงผู้นำรุ่นต่อ ๆ มา เช่น เจียง เจ๋อหมิน อดีตประธานาธิบดี ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชี้ว่าจีนอาจกลับไปใช้การปกครองแบบลัทธิบูชาบุคคล (cult of personality) ทั้งนี้ มติดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจัดการประชุมแบบปิดเป็นเวลา 4 วันติดต่อกัน และมีแกนนำระดับสูงของประเทศกว่า 370 คนที่เป็นสมาชิกคณะกรรมการกลางชุดที่ 19 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าร่วมประชุม โดยที่การประชุมในครั้งนี้ถือเป็นการประชุมครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนถึงการประชุมระดับชาติในปีหน้า ซึ่งคาดว่าประธานาธิบดีสีจะได้ครองตำแหน่งผู้นำจีนต่อเป็นสมัยที่สาม.-สำนักข่าวไทย

นักบินอวกาศ 4 คนเดินทางถึงสถานีอวกาศนานาชาติแล้ว

นักบินอวกาศ 4 คนที่ทะยานสู่อวกาศเมื่อวันพุธตามเวลาในสหรัฐด้วยแคปซูลครูว์ดรากอนของสเปซเอ็กซ์ บริษัทเทคโนโลยีอวกาศของอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เดินทางถึงสถานีอวกาศนานาชาติแล้ว เพื่อปฏิบัติภารกิจด้านวิทยาศาสตร์เป็นเวลา 6 เดือน

“อีลอน มัสก์” ขายหุ้นเทสลามูลค่า 5 พันล้าน

วอชิงตัน 11 พ.ย. – อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของเทสลา บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ ได้ขายหุ้นเทสลามูลค่าราว 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (165,000 ล้านบาท) เมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น หลังจากที่เขาได้ตั้งโพลถามความเห็นในทวิตเตอร์เมื่อวันเสาร์ว่าควรขายหุ้นเทสลาร้อยละ 10 ที่ถืออยู่หรือไม่ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า บริษัททรัสต์ของมัสก์ได้ขายหุ้นเทสลาเกือบ 3.6 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (132,000 ล้านบาท) ในขณะที่มัสก์เองก็ได้ขายหุ้นเทสลา 934,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (36,000 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มัสก์ขายหุ้นเทสลานับตั้งแต่ปี 2559 ขณะที่นิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐระบุว่า หุ้นเทสลาที่มัสก์ขายไป 4.5 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 3 ของหุ้นเทสลาทั้งหมดที่เขาถืออยู่ ซึ่งมีมูลค่ารวม 281,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (9.3 ล้านล้านบาท) ก่อนหน้านี้ มัสก์ได้ตั้งโพลถามความเห็นผู้ใช้งานในทวิตเตอร์เกี่ยวกับการขายหุ้นเทสลาร้อยละ 10 เมื่อวันเสาร์ เพื่อนำมาจ่ายภาษี […]

พนง.ขับรถไฟญี่ปุ่นฟ้องนายจ้างหลังถูกหักเงินเดือน 16 บาท

โตเกียว 11 พ.ย. – พนักงานขับรถไฟชาวญี่ปุ่นยื่นฟ้องบริษัทรถไฟญี่ปุ่นตะวันตก (West Japan Railway) หรือเจอาร์เวสต์ ซึ่งเป็นนายจ้าง หลังจากที่เขาถูกหักเงินเดือน 56 เยน (16 บาท) เนื่องจากทำให้ระบบรถไฟที่มีชื่อเสียงด้านความตรงต่อเวลาของญี่ปุ่นล่าช้า 1 นาที หนังสือพิมพ์โยมิอูริ ชิมบุน ของญี่ปุ่นรายงานวันนี้ว่า พนักงานขับรถไฟได้ยื่นฟ้องบริษัทเจอาร์เวสต์ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลังถูกหักเงินเดือนในเดือนมิถุนายปีก่อนฐานทำให้รถไฟล่าช้า และเขาได้เรียกค่าเสียหายที่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจเป็นเงิน 2.2 ล้านเยน (ราว 640,000 บาท) สื่อดังกล่าวยังระบุว่า ที่มาของการฟ้องร้องในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่พนักงานคนดังกล่าวต้องขับรถไฟขบวนเปล่าไปไว้ในโรงเก็บรถไฟที่สถานีโอกายามะ ทางตะวันตกของญี่ปุ่น แต่เขากลับขับรถไฟเข้าผิดชานชาลาจนทำให้เกิดความวุ่นวายและทำให้การเดินรถไฟล่าช้าไป 1 นาที ในขณะเดียวกัน เจอาร์เวสต์ระบุว่า การหักเงินเดือนของพนักงานคนดังกล่าวนั้นสมเหตุสมผล เนื่องจากไม่มีการทำงานในช่วงที่เกิดความวุ่นวายหลังจากที่เขาขับรถไฟเข้าผิดชานชาลา ขณะที่โฆษกของเจอาร์เวสต์ยืนยันว่า บริษัทถูกฟ้องร้องตามที่สื่อญี่ปุ่นรายงานจริง แต่ไม่ขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากคดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว.-สำนักข่าวไทย

1 163 164 165 166 167 315