พิจิตร 7 มี.ค. – เกษตรกรในพื้นที่ อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร ปรับเปลี่ยนพื้นที่นาข้าว จำนวน 60 ไร่ หันมาปลูกมะละกอฮอลแลนด์ และมะละกอแขกนวล ส่งจำหน่ายตลาดไทและตลาดสี่มุมเมือง ทำเงินเกือบแสนบาทต่อไร่ สร้างรายได้ดีกว่าการปลูกข้าวหลายเท่าตัว
นางนฤฑา แซ่หลี เกษตรกรในพื้นที่ ต.สำนักขุนเณร อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร ซึ่งลาออกจากการทำงานประจำที่กรุงเทพฯ เพราะต้องการกลับมาอยู่บ้านเกิดที่ อ.ดงเจริญ ใช้พื้นที่เดิม ซึ่งเป็นแปลงนาปลูกข้าว ปรับเปลี่ยนจากพื้นที่นา ทำการขุดเป็นร่องน้ำ ระยะห่างประมาณ 2 เมตร เป็นแปลงมะละกอ จำนวน 60 ไร่ โดยแบ่งเป็น มะละกอสายพันธุ์ฮอลแลนด์ จำนวน 30 ไร่ และมะละกอแขกนวล (มะละกอสำหรับตำส้มตำ) อีกจำนวน 30 ไร่ รวมเป็น 60 ไร่
สำหรับมะละกอฮอลแลนด์ ปลูกแบบยกร่องน้ำ โดยมีระยะห่างระหว่างร่องน้ำ 2 เมตร ระหว่างนั้นจะรดน้ำใส่ปุ๋ยพรวนดินสม่ำเสมอ ที่สำคัญต้องระมัดระวังโรคไรแดง และเชื้อราด้วย ซึ่งใช้ระยะเวลาการปลูกประมาณ 8 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตขายได้
สำหรับด้านการตลาด จะมีพ่อค้าจากตลาดไทและตลาดสี่มุมเมือง มารับซื้อผลผลิตถึงสวนมะละกอ โดยผลมะละกอจะคัดเกรด แบ่งเป็น เกรด A ราคากิโลกรัมละ 10 บาท หากเป็นเกรด B ราคากิโลกรัมละ 8 บาท ซึ่งต้นทุนการผลิตต่อไร่ ตั้งแต่ต้นกล้า ค่ายกร่อง ค่าปุ๋ย ค่าดูแล จนถึงระยะเวลาเก็บเกี่ยวรอบแรกเพียง 25,000 บาท/ไร่ โดยพื้นที่ 1 ไร่ ให้ผลผลิตประมาณ 8 ตัน สามารถทำเงินสร้างรายได้เฉลี่ย 85,000 บาท/ไร่ และจะมีรายได้เหลือประมาณ 60,000 บาท/ไร่ ซึ่งเป็นรายได้ที่ดีกว่าการปลูกข้าวหลายเท่าตัว. – สำนักข่าวไทย