กรุงเทพฯ 15 ก.ค. – รมว. เกษตรฯ เผยร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและสภาการแพทย์แผนไทยสนับสนุนเกษตรกรปลูกสมุนไพร ป้อนคลินิกแพทย์แผนไทยกว่า 6,000 แห่งที่จะเดินหน้าใช้สมุนไพรและตำรับยาไทยร่วมรักษาผู้ป่วยโควิด-19 จัดทำต้นแบบที่โรงพยาบาลสนามจังหวัดเพชรบุรีที่แรก
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า สั่งการให้เร่งส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพร ตามร่วมมือกับสภาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ในการใช้สมุนไพรและตำรับยาไทยเพื่อร่วมรักษาสุขภาพประชาชนในช่วงโควิด-19 ซึ่งแนวทางในการขับเคลื่อน 3 แนวทางคือ
- การป้องกันการติดเชื้อโดยใช้เครื่องยาสมุนไพรและตำรับยาไทย
- การรักษาผู้ป่วยด้วยยาแผนปัจจุบัน ร่วมกับเครื่องยาสมุนไพรและตำรับยาไทย
- การฟื้นฟูผู้ป่ายหลังการรักษา โดยใช้เครื่องยาสมุนไพรและตำรับยาไทย
สำหรับกระทรวงเกษตรฯ มีบทบาทหน้าที่ตามแผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทยในการส่งเสริมผลิตผลของสมุนไพรไทยตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสนับสนุนการปลูกพืชสมุนไพร 80 ชนิด พื้นที่ 64,917 ไร่ แบ่งเป็น พื้นที่มาตรฐาน GAP 54,755 ไร่ พื้นที่มาตรฐาน Organic Thailand 13,162 ไร่ พร้อมทั้งจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและกลุ่มเกษตรกร 60 กลุ่มและจัดทำมาตรฐานสินค้า GAP และมาตรฐานพืชสมุนไพรตามกลุ่มของส่วนที่ใช้ของพืช 5 ฉบับได้แก่ ฉบับที่ 1 หัว เหง้า และราก ฉบับที่ 2 ใบ ส่วนเหนือดิน และทั้งต้น ฉบับที่ 3 ดอก พืช สมุนไพรแห้ง ฉบับที่ 4 ผลและเมล็ด และฉบับที่ 5 เปลือกและเนื้อไม้
นอกจากนี้ยังพัฒนาบุคคลากรเพื่อตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบสมุนไพร รวมทั้งแผนดำเนินการปรับปรุงห้องปฏิบัติการที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 17025 เพื่อให้บริการตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบมาตรฐาน GAP หรือมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และจัดทำแผนที่ความเหมาะสมของที่ดินสำหรับปลูกพืชสมุนไพร (Land Suitability) ด้วย
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว. เกษตรฯ กล่าวว่า ฐานข้อมูลพื้นที่ปลูกพืชสมุนไพรซึ่งจัดทำขึ้นประกอบด้วย ข้อมูลพื้นที่ปลูกสมุนไพร จากกรมส่งเสริมการเกษตร ข้อมูล Land Suitability (แผนที่ความเหมาะสมของที่ดินสำหรับปลูกพืชสมุนไพร) จากกรมพัฒนาที่ดิน ข้อมูลพืชสมุนไพรที่ได้รับการรับรอง GAP จากกรมวิชาการเกษตร ข้อมูลพื้นที่ปลูกพืชสมุนไพรของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เพื่อให้มีฐานข้อมูลพื้นที่ปลูกสมุนไพรที่ชัดเจนสามารถส่งเสริมเกษตรกรได้
ทั้งนี้ สภาการแพทย์แผนไทยแจ้งว่า ปัจจุบันมีคลินิกแพทย์แผนไทย 6,000 คลินิก และแพทย์แผนไทยกว่า 30,000 คน รวมทั้งศูนย์ฮอตไลน์แพทย์แผนไทยที่มีอยู่ทุกภาคและยังมีคลีนิคจิตอาสาแพทย์แผนไทยอีก 60 แห่ง และคลังยาสมุนไพรและตำรับยาไทยของสภาการแพทย์แผนไทยที่พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขมีแพทย์แผนไทยประจำโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งและมีการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรในการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามเช่นที่กรุงเทพฯ นครปฐม และเพชรบุรี จึงเห็นร่วมกันว่า ควรเริ่มทดสอบแนวทางการแพทย์ทางร่วมที่โรงพยาบาลสนามจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีความพร้อมมากที่สุดเป็นแห่งแรก โดยให้จัดกลุ่มผู้ป่วยตามกลุ่มยาและให้ตรวจเลือดผู้ป่วยทั้งก่อนและหลังการบำบัดรักษาเพื่อวัดผลลัพธ์หากได้ผลดีจะขยายผลต่อไป. – สำนักข่าวไทย