ระดมทุกมาตรการลดปริมาณน้ำลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง

กรุงเทพฯ 8 ต.ค. – เลขาธิการ สทนช. เผยเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำแม่น้ำยมไม่ให้กระทบตัวเมืองสุโขทัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รพ.สุโขทัย พร้อมกันนี้ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์เพื่อระบายน้ำจากทุ่งบางระกำ ซึ่งเกินความจุ ส่วนที่นครสวรรค์ได้เพิ่มการรับน้ำจากแม่น้ำน่านเข้าไปเก็บที่บึงบอระเพ็ดเพื่อลดปริมาณน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่กรมชลประทานลดการระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อย่างต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง


นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า สทนช. ประสานการบริหารจัดการน้ำร่วมกับกรมชลประทานเพื่อป้องพันพื้นที่เศรษฐกิจในเขตตัวเมืองสุโขทัย รวมถึงการรับน้ำเข้าแก้มลิงทุ่งทะเลหลวงที่ขณะนี้มีปริมาณน้ำมาก โดยเป็นห่วงโรงพยาบาลสุโขทัยที่ตั้งอยู่ท้ายทุ่งทะเลหลวงซึ่งทางจังหวัดและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จัดทำแนวป้องกันน้ำบริเวณรอบโรงพยาบาลและเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้กระทบต่อการให้บริการของโรงพยาบาล

ส่วนการระบายน้ำจากทุ่งลุ่มต่ำต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและพิจิตร โดยเฉพาะทุ่งบางระกำที่มีปริมาณน้ำเกินความจุเก็บกักและเริ่มส่งผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชนได้ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ให้อยู่ในอัตรา 5 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ไปจนถึงวันที่ 13 ตุลาคม 2567 เพื่อลดปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านซึ่งจะช่วยให้สามารถระบายน้ำออกจากทุ่งได้ดีขึ้น


ทั้งนี้ น้ำที่ท่วมในลุ่มน้ำปิงบริเวณจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูนจะไหลลงสู่เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก โดยไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา

ทั้งนี้ ประเมินว่า น้ำจากตอนบนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ จะสูงสุดพรุ่งนี้ (9 ต.ค.67) ในอัตรา 2,500 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งเป็นต้นแม่น้ำเจ้าพระยา โดยคาดว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 2,500 ลบ.ม.ต่อวินาที โดย สทนช. ได้ประสานให้มีการใช้บึงบอระเพ็ดแก้มลิงหน่วงน้ำแม่น้ำน่านที่ไหลมาจากจังหวัดพิษณุโลกและพิจิตรเข้าไปเก็บไว้ ก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้บึงบอระเพ็ดรับน้ำไว้ 290 ล้าน ลบ.ม. จากการที่เสริมสันฝายให้สูงขึ้นจึงทำให้ปีนี้รับเพิ่มได้อีก 90 ล้าน ลบ.ม.

น้ำแม่น้ำเจ้าพระยาจากจังหวัดนครสวรรค์ ที่ไหลต่อไปยังจังหวัดชัยนาท จะมีน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังไหลมาสมทบในอัตรา 100 – 200 ลบ.ม. ต่อวินาที ดังนั้นน้ำจะไหลไปยังหน้าเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,700 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งคาดว่า เป็นอัตราสูงสุดของฤดูฝนนี้แล้ว แนวทางบริหารจัดการของกรมชลประทานคือ ระบายน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานบริเวณเหนือเขื่อนทั้งทางฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกในอัตรา 300 ลบ.ม.ต่อวินาที แล้วจะพยายามคงอัตราการระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้เกิน 2,200 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อป้องกันผลกระทบต่อประชาชนท้ายเขื่อนให้ได้มากที่สุด ยกเว้นมีฝนตกเพิ่ม อาจปรับการระบายเป็นไม่เกิน 2,400 ลบ.ม. ต่อวินาที


การระบายน้ำในอัตรา 2,200 ลบ.ม.ต่อวินาที จะส่งผลกระทบในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองโผงเผง คลองบางบาล แม่น้ำน้อย และพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกันน้ำบริเวณจังหวัดชัยนาท อำเภอสรรพยา และวัดสิงห์ (ตำบลโพนางดำตก) จังหวัดสิงห์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี พรหมบุรี และอินทร์บุรี (วัดสิงห์ วัดเสือข้าม) จังหวัดอ่างทอง อำเภอป่าโมกและไชโย (วัดไชโย) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา บางบาล ผักไห่ (ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง) และเสนา (ตำบลหัวเวียง) จังหวัดปทุมธานี อำเภอเมืองปทุมธานีและสามโคก จังหวัดนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด (ตำบลท่าอิฐ) อำเมืองนนทบุรี (ตำบลไทรม้าและบางไผ่) สทนช.ได้แจ้งให้จังหวัดท้ายเขื่อนเตรียมยกของขึ้นที่สูง โดยอ้างอิงจากระดับน้ำที่อัตราการระบาย 2,400 ลบ.ม. ต่อวินาที เพื่อเตรียมพร้อมล่วงหน้าในกรณีมีปริมาณฝนตกมากเกินกว่าที่ประเมินไว้ พื้นที่จังหวัดนนทบุรีและปทุมธานีจะได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเลหนุนสูงด้วย ซึ่ง สทนช.ได้ประสานทุกจังหวัดให้เตรียมพร้อมรับมือล่วงหน้าไว้แล้ว

นายธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักการระบายและอุทกวิทยา กรมชลประทานกล่าวว่า ได้จัดการจราจรน้ำ โดยคงอัตราการระบายของเขื่อนเจ้าพระยาไว้ที่ 2,200 ลบ.ม. ต่อวินาที แต่ลดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยปัจจุบัน (8 ตุลคม 2567) เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรีมีน้ำ 683 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 71 ของความจุ วันพรุ่งนี้กรมชลประทานจะทยอยปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ลงอีกจาก 100 ลบ.ม./วินาทีเหลือ 50 ลบ.ม./วินาที จากนั้นจะปรับลดการระบายน้ำอีกครั้งในวันถัดไป (10 ตุลาคม 2567) เหลืออัตรา 10 ลบ.ม./วินาที เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงไปสมทบกับแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นการลดผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลซึ่งในช่วงวันที่ 13 – 24 ตุลาคมจะได้รับอิทธิพลจากภาวะน้ำทะเลหนุนสูง

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้สั่งการให้โครงการชลประทานทุกแห่งในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะพยายามคงอัตราการระบายที่เขื่อนเจ้าพระยา 2,200 ลบ.ม. ต่อวินาทีให้นานที่สุด กรณีที่มีฝนตกเพิ่มช่วงปลายฤดู ยังมีทุ่งรับน้ำลุ่มเจ้าพระยา 10 ทุ่งเพื่อใช้แก้มลิงหน่วงน้ำได้. -512-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ครม.แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​-​คดีพิเศษ-​พศ.

ทำเนียบฯ 24 ก.ย. – ครม. แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ มอบ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​ -​ คดีพิเศษ -​ สำนักพุทธฯ​ ขณะที่ “เอกนิติ​” คุมพาณิชย์​ -​ สำนักงบฯ ด้าน “ธรรมนัส​” คุมท่องเที่ยว​ -​ เกษตร​ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี​นัดพิเศษ นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ มีมติแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี​ 6 คน​ ประกอบด้วย นายพิพัฒน์​ รัชกิจประการ​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน​ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์​แห่งชาติ​ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒฒาพิเศษ​ภาคตะวันออก​ (อีอีซี) นายโสภณ​ ซารัมย์​ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านสังคม​ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ​ (ส​ทนช.) […]

ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างหน้าวชิรพยาบาล แนะเลี่ยงเส้นทาง

24 ก.ย.- ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างบริเวณหน้าวชิรพยาบาล จนท.เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-ประชาชนใกล้เคียง ออกนอกพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจร ช่วงประมาณ 07.13 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รางานเหตุถนนทรุดตัวเป็นบริเวณกว้างใกล้เคียงอาคารของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ เป็นหลุมกว้าง 30 x 30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนใกล้เคียง ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ล่าสุดสำนักงานเขตดุสิต แจ้งปิดการจราจรแยกวชิรพยาบาล – แยกซังฮี้ และบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากเหตุผิวจราจรทรุดตัวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคโดยรอบ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรใกล้เคียงได้ -สำนักข่าวไทย

ครม. ตั้ง “ไตรศุลี” นั่งเลขาธิการนายกฯ อายุน้อยที่สุด

ทำเนียบ24 ก.ย. – ครม.นัดพิเศษ ตั้ง “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ วันนี้ (24 ก.ย.) มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ครม. มีมติแต่งตั้งให้นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือเรียกกันว่า “นายกฯ น้อย” ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ ต้องคอยสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี รวมถึงการบริหารจัดการงานทั่วไป และประสานงานให้กับนายกรัฐมนตรีโดยตรง นอกจากนี้ ยังเป็นตำแหน่งที่จะต้องรวบรวมวิเคราะห์ และกลั่นกรองข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำเสนอความเห็นประกอบการพิจารณา และการสั่งการของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม นางสาวไตรศุลี ถือเป็นผู้ที่รับตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ปัจจุบันนางสาวไตรศุลี อายุ 35 ปี และเป็นลูกสาวของ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเริ่มต้นการทำงานทางการเมืองด้วยการดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี […]

เจ้าของห้องคอนโด ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

23 ก.ย. – เจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สิน ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษ หนุ่มเจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สิน รวมถึงใช้อาวุธมีดมาเคาะประตูเชิงข่มขู่กลางดึก เปิดใจว่าขณะเกิดเหตุตกใจกลัวมาก หากประตูพังอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด ต้องวิ่งไปหลบในห้องนอนและเอาของมาวางกั้นไว้ แต่ก็ยังโทรฯ หาตำรวจและแจ้งนิติบุคคลคอนโด แต่ก็ไม่มีใครขึ้นมา ตอนนี้ต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวและลางาน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยมีหลายคนที่เจอเหตุการณ์เหมือนกับตนเอง ส่วนทางคู่กรณี ตนอยากจะบอกว่า ถ้าหากมีอาการจิตเวชจริงก็ขอให้เข้ารับการรักษา ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษเพราะเกินเวลานั้นมานานแล้ว ยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะสุดท้ายแล้วเชื่อว่ากฎหมายจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เผยไม่มีวอร์รูมแถลงนโยบาย ยัน “คนละครึ่ง” เริ่ม ต.ค.นี้

ทำเนียบ 26 ก.ย.-นายกฯ ร้อง โหย ไม่มีวอร์รูมแถลงนโยบาย มีแต่เลิฟรูม ยัน “คนละครึ่ง” เริ่มทันที ต.ค.นี้ โยน รมว.คลัง แจงรายละเอียด นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาระหว่าง 29-30 กันยายนนี้ว่า ร่างสุดท้ายมาแล้ว 100% แล้ว เมื่อถามว่าจะมีการตั้งวอร์รูมหรือไม่ นายอนุทิน ร้อง โหย ก่อนจะบอกว่า “ไม่มีหรอกวอร์รูม มีแต่เลิฟรูม” เมื่อถามถึงนโยบายโครงการคนละครึ่ง จะสามารถเริ่มได้เลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี พยักหน้ารับ พร้อมระบุว่าภายในเดือนตุลาคม แต่ขอให้ไปถามรายละเอียดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง.-319.-สำนักข่าวไทย

แม่ทัพภาค 2 รับ “กัมพูชา” ป่วนช่วงรับส่งหน้าที่

กองทัพบก 26 ก.ย.-แม่ทัพภาคที่ 2 รับ “กัมพูชา” ป่วนช่วงรับส่งหน้าที่ เคลื่อนจรวด BM-21 มองเป็นสัญญาณบอกเหตุ แต่ขอให้มั่นใจไร้รอยต่อ “มทภ.2” คนใหม่ พร้อมทำหน้าที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา ที่มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าพื้นที่ ว่า ได้รับทราบข้อมูลแล้ว และถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่มีการถอนกำลัง และยังไม่ทราบว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งกำลังทหารก็ต้องเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ส่วนที่ปรากฏภาพเคลื่อนย้ายจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้าพื้นที่ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหรือไม่ พล.ท.บุญสิน ระบุว่า เป็นสิ่งบอกเหตุว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ในอนาคต เรื่องความขัดแย้งด้วยอาวุธ ซึ่งยอมรับว่า ผิดข้อตกลงอยู่แล้ว ก็ประท้วงไป พล.ท.บุญสิน ยังยอมรับว่า เป็นการก่อกวนในช่วงที่จะมีการรับมอบตำแหน่งของแม่ทัพภาคที่ 2 และตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ในกองทัพ แต่เชื่อว่าคงไม่มีผล ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ก็ทำหน้าที่อำนวยการยุทธก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ซึ่งรู้ขั้นตอนการปฏิบัติอยู่แล้ว ในขณะที่รัฐบาลชุดปัจจุบันก็เคยอยู่กับรัฐบาลเดิม พร้อมเชื่อว่า จะไปต่อได้ […]

เร่งเทปูนลงหลุมยักษ์ หน้า รพ.วชิรพยาบาล-สน.สามเสน

กรุงเทพฯ 26 ก.ย. – เร่งเทปูนลงหลุมยักษ์ หน้า รพ.วชิรพยาบาล และ สน.สามเสน คาดวันนี้ต้องเทอีกประมาณ 200 คันรถโม่ปูน จึงจะได้ความสูงของปูนในหลุมตามแผนที่วางไว้ .-สำนักข่าวไทย

จับตาหนองหญ้าแก้ว หวั่นเขมรปลุกปั่นม็อบซ้ำรอย

สระแก้ว 26 ก.ย.- จับตาความเคลื่อนไหวชายแดนไทย-กัมพูชา “บ้านหนองหญ้าแก้ว” หวั่นม็อบเขมรปลุกปั่นสร้างความวุ่นวายซ้ำรอย ชายแดนไทย–กัมพูชา บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เช้าวันนี้ กัมพูชาพาคณะทำงานประสานงานชายแดน หรือ IOT ลงพื้นที่ใกล้จุดผ่านแดน โดยมีเจ้าหน้าที่และผู้ติดตาม 50–60 คน เข้ามาสำรวจและสังเกตการณ์ในรัศมีไม่ไกลจากแนวเขตสแลนตรงจุดพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ฝ่ายความมั่นคงประเมินว่าหลังจากคณะผู้แทนกลับไปแล้ว อาจมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนเกิดขึ้นอีก เนื่องจากมีความพยายามปลุกปั่นให้เกิดการรวมตัวในหลายครั้งที่ผ่านมา ส่วนสถานการณ์ขณะนี้ค่อนข้างสงบ แต่บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด เพราะต่างมีการขยับกำลังในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่คณะ IOT ลงพื้นที่ ซึ่งถือเป็นอีกจุดที่ต้องจับตาว่าจะมีความเคลื่อนไหวตามมาหรือไม่ในช่วงค่ำและวันถัดไป -สำนักข่าวไทย