fbpx

เร่งยกระดับรายได้เกษตรกร 3 เท่าใน 4 ปี

กรุงเทพฯ 1 เม.ย.- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินหน้านโยบายในโอกาสครบรอบ 132 ปีวันสถาปนา ตั้งเป้าให้เกษตรกรไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี พร้อมขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานสู่เวทีโลก ล่าสุดราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง


ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง และสักการะสิ่งศักดิ์ประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องในวันสถาปนากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครบรอบ 132 ปี โดยมีนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ บริเวณด้านหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นเป็นประธานเปิดการสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง การพัฒนาภาคเกษตรไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานสู่เวทีระดับโลก เนื่องในวันสถาปนากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครบรอบ 132 ปี และปาฐกถาพิเศษ “การขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทย เพื่อเพิ่มรายได้ 3 เท่า ใน 4 ปี ภายใต้ 9 นโยบาย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ เป็นกระทรวงที่มีความสำคัญต่อความอยู่ดีกินดีของเกษตรกรและประชาชนคนไทยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นกระทรวงหลักที่ทำหน้าที่ดูแลภาคการเกษตรของประเทศ ซึ่งมีประชากรอยู่ในภาคการเกษตรกว่า 30 ล้านคน เป็นฐานทรัพยากรสำคัญและเป็นฐานสร้างรายได้หลักของประเทศ แต่ภาคเกษตรยังคงมีความท้าทายที่สำคัญโดยเฉพาะเกษตรกรที่มีอายุเฉลี่ยสูงขึ้น มีการผลิตแบบเดิมและพึ่งพาธรรมชาติ ประสบปัญหาตามสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ประสบปัญหาด้านราคาจากการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานและขายผลผลิตเป็นวัตถุดิบขาดการแปรรูปเพิ่มมูลค่า ปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายซึ่งทำลายกลไกตลาด ฉุดรั้งราคา และสร้างปัญหาโรคติดต่อร้ายแรง เป็นต้น ทำให้ภาครัฐต้องช่วยเหลือและชดเชยเยียวยาด้วยงบประมาณจำนวนมาก ซึ่งตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เร่งขับเคลื่อนการ ทั้งลงพื้นที่รับฟังปัญหาพี่น้องเกษตรกรเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อย่างเต็มที่และต่อเนื่อง และได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งผลักดัน 9 นโยบายและข้อสั่งการสำคัญต่าง ๆ เพื่อให้การขับเคลื่อนภาคการเกษตรบรรลุเป้าหมายเกษตรกรไทยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี ทำให้ที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานเป็นที่ประจักษ์ต่อเกษตรกรทั่วประเทศ


กระทรวงเกษตรฯ พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศวิสัยทัศน์ Thailand Vision เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา โดยวิสัยทัศน์ที่สำคัญและเป็นพันธกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยตรงคือ วิสัยทัศน์ศูนย์กลางอาหาร (Agriculture & Food Hub) ซึ่งรัฐบาลจะยกระดับการผลิตอุตสาหกรรมการเกษตร ทำให้ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในกระเป๋าต้องมีเงิน” รวมทั้งวิสัยทัศน์อื่น ๆ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องสนับสนุนผลักดันให้บรรลุเป้าหมาย ทำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องคิดใหม่และทำไว เพื่อตอบโจทย์ VISION THAILAND คิดและวางแผนพัฒนาทั้งระบบ แล้วลงมือทำตามลำดับความสำคัญ ต้องขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ให้เป็นรูปธรรม โดยทุกหน่วยงานต้องร่วมบูรณาการในการทำงาน เพื่อวางรากฐานการพัฒนาในระดับพื้นที่อย่างเป็นระบบ ให้สามารถแก้ปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรได้ และเตรียมพร้อมก้าวสู่ปีที่ 133 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการยกระดับการทำงานเพื่อวางรากฐานการพัฒนาภาคการเกษตรให้สอดรับกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยนำปัจจัยแห่งการเปลี่ยนแปลงมาเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาและแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สู่เป้าหมายในการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกร

นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า จากนี้ไปจะเป็นมิติใหม่ของกระทรวงเกษตรฯ จะต้องเห็นเกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถลืมตาอ้าปากได้ ลบภาพจำในอดีตที่เปรียบเกษตรกรเป็นกระดูกสันหลังของชาติที่กำลังผุกร่อนลงไปทุกวัน โดยการก้าวเข้าสู่การเกษตรยุคใหม่ภายใต้นโยบายของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตามนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ที่ไม่ใช่กระบวนการผลิตแบบเดิม แต่เน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเสริมองค์ความรู้ให้เกษตรกร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและเพิ่มรายได้ของเกษตรกรอย่างยั่งยืน

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รายงานทิศทางราคาสินค้าเกษตรในขณะนี้ว่า นับจากที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินหน้านโยบายต่างๆ โดยเฉพาะการลุยปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายมาอย่างเข้มงวด การมุ่งยกระดับสินค้าเกษตร เร่งแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ วางมาตรการรองรับภัยพิบัติ โรคระบาดพืชและสัตว์ เพิ่มประสิทธิภาพการบริการจัดการน้ำในช่วงวิกฤติภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ตลอดจนการบริหารจัดการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับกิจกรรมภาคการเกษตรนั้น ปรากฏว่า ส่งผลบวกต่อราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายชนิดมีทิศทางปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่องได้แก่ ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว สับปะรด น้ำนมดิบ และสุกร โดยเมื่อดูทิศทางราคาสินค้าแต่ละชนิดจะ พบว่า


  • ข้าวหอมมะลิ (ความชื้น 15%) ราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ราคา 13.29 บาท/กก. เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราคา 14.60 บาท/กก. ในเดือนมีนาคม 2567
  • ข้าวเปลือกเจ้า (ความชื้น 15%) ราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ราคา 10.74 บาท/กก. เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราคา 12.50 บาท/กก. ในเดือนมีนาคม 2567  

ทั้งนี้ราคาข้าวที่ปรับขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากรัฐบาลมีมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกนาปี เพื่อชะลอผลผลิตในช่วงที่ออกสู่ตลาดมาก ไม่ให้ราคาข้าวเปลือกตกต่ำ โดยมีโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ประกอบกับผลผลิตที่ลดลงจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ขณะที่ต่างประเทศมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นเพื่อชดเชยอุปทานข้าวในประเทศที่ลดลงและต้องการสำรองข้าวไว้เพื่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศ รวมถึงประเทศอินเดียประกาศระงับการส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติ ส่งผลให้หลายประเทศเปลี่ยนมาซื้อข้าวจากไทยมากขึ้น จึงเป็นแรงผลักให้ราคาข้าวไทยปรับตัวสูงขึ้น

  • ยางพารา ราคายางแผ่นดิบ ชั้น 3  ในปลายเดือนมีนาคมเฉลี่ยอยู่ที่ 83.15 บาท/กก. สูงขึ้นจากราคา ณ เดือน กันยายน 2566 ที่ราคาเฉลี่ย 45.51 บาท/กก. โดยราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากนโยบายจากภาครัฐในการปราบปรามและตรวจสอบการลักลอบการนำเข้ายางพาราและสินค้าเกษตรผิดกฎหมายไม่ให้ทะลักเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากมาตรการการสนับสนุนการใช้ยางพาราในประเทศ รวมทั้งจากความต้องการของตลาด ภาวะฟื้นตัวของอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ เป็นต้น           
             
  • ปาล์มน้ำมัน ปัจจุบันราคาเฉลี่ยที่ 5.40 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนกันยายน 2566 ที่ราคา 5.06 บาท/กก.  อันเนื่องมาจากตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ขณะที่ความต้องการน้ำมันพืชในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ประกอบกับรัฐบาลโดย กนป. ได้เห็นชอบการกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน พร้อมมอบหมายคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม ติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างใกล้ชิด เพื่อบริหารจัดการให้ปริมาณการผลิต การใช้ และการส่งออก รวมถึงปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มอยู่ในระดับที่สมดุล และมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศจึงทำให้ราคาผลปาล์มยังอยู่ในเกณฑ์ดี
             
  • มะพร้าว ปัจจุบันราคาเฉลี่ยที่ 15 บาท/ผล เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนกันยายน 2566 ที่ราคา 7.90 บาท/ผล เนื่องจากผลผลิตลดลง ในขณะที่ความต้องการใช้เพิ่มมากขึ้น และรัฐบาลมีมาตรการบริหารการนำเข้าเพื่อให้ปริมาณผลผลิตมะพร้าวที่ออกสู่ตลาดกับสัดส่วนปริมาณการนำเข้าและปริมาณการใช้ในประเทศมีความสมดุลกัน
             
  • สับปะรด ปัจจุบันราคาสับปะรดปัตตาเวียส่งโรงงานเฉลี่ยที่ 12.00 บาท/กก. โดยราคาเพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนกันยายน 2566 ที่ราคา 8.37 บาท/กก. ซึ่งเป็นผลมาจากรัฐบาลได้มีนโยบายในการรับมือกับภัยธรรมชาติ เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพดีประกอบกับผลผลิตมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงงานแปรรูป เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
             
  • น้ำนมดิบ ปัจจุบันราคาเฉลี่ยที่ 20.21 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนกันยายน 2566 ที่ราคา 19.65 บาท/กก. เนื่องจาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีประกาศฯ ปรับเพิ่มราคากลางรับซื้อน้ำนมโค ณ ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
             
  • สุกร นับตั้งแต่รัฐบาลปัจจุบันเริ่มปฏิบัติหน้าที่ ได้เดินหน้าปราบปรามการลักลอบนำเข้าสุกรเถื่อนอย่างจริงจัง โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กอ.รมน จังหวัด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตำรวจตรวจสอบห้องเย็นทั่วประเทศมากกว่า 2,000 แห่ง จนทำให้ราคาสุกรปรับตัวสูงขึ้น โดยปัจจุบันราคาสุกรเฉลี่ยที่ 66.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนตุลาคม 2566 ที่ราคา 64.25 บาท/กก.

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะยังคงขับเคลื่อนการดำเนินงานในทุกด้านตามนโยบายและแผนที่วางไว้ เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรและราคาสินค้าเกษตร แก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องเกษตรกร ให้กินดีอยู่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี ภาคเกษตรเติบโต และเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง.-512-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้อพยพจากไทยคว้าแจ็กพอตเพาเวอร์บอล

ผู้อพยพจากไทยไปใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐดวงเฮง คว้ารางวัลแจ็กพอตลอตเตอรี่เพาเวอร์บอล ได้เงินรางวัลสูงถึง 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“ซูเปอร์โพล” เผยผลสำรวจสเปก “ผบ.ตร.คนใหม่” ต้องซื่อสัตย์สุจริต

“ซูเปอร์โพล” เผยผลสำรวจสเปก “ผบ.ตร.คนใหม่” ต้องซื่อสัตย์สุจริต ชี้ประชาชนเบื่อมากข่าวนายตำรวจระดับสูง ควรเร่งทำงานสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน

นายกฯ บอกขอโทษ “ปานปรีย์” แล้ว ไม่ขัดแย้ง

นายกฯ เผยขอโทษ “ปานปรีย์” แล้วหลังหลุดรองนายกฯ รับมีทั้งคนพอใจ ไม่พอใจ ยันสัมพันธ์ลูกเป็นเพื่อนกัน ไม่ขัดแย้ง เชื่อคนใหม่สานต่องานได้  

“ปานปรีย์” รับยื่นลาออก หลังถูกปรับพ้นรองนายกฯ

“ปานปรีย์” ยอมรับยื่นลาออก หลังถูกปรับออกจากรองนายกฯ ชี้หากไม่มีตำแหน่งพ่วงอาจทำงานไม่ราบรื่น ลั่นหากมีคนอื่นเหมาะสมกว่าให้มาทำงานแทน

ข่าวแนะนำ

นายกฯ มั่นใจ “พิชิต” ไม่ขาดคุณสมบัติ รมต.

นายกรัฐมนตรี มั่นใจ “พิชิต” ไม่ขาดคุณสมบัติ เพราะกฤษฎีกาตรวจสอบแล้ว หลังถูกยื่นตรวจสอบซ้ำ ขอโปรดเกล้าฯ ทราบพร้อมกันใครนั่ง รมว.กต.คนใหม่ ไม่ขอพูดก่อน เป็นตามขั้นตอน

“ปานปรีย์” ออกจาก รพ. เข้ากระทรวงลา ขรก.

“ปานปรีย์” เข้ากระทรวงฯ เก็บของ-อำลาข้าราชการ บางคนหลั่งน้ำตา เจ้าตัวบอกลาชั่วคราว เรียกใช้งานได้ บอกเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อคืน

“อดีตทูตปู มาริษ” เข้าทำเนียบฯ พบนายกฯ

หลังข่าวแพร่สะพัด “อดีตทูตปู -มาริษ” จะได้นั่งเก้าอี้เจ้ากระทรวงบัวแก้ว แทน “ปานปรีย์” ล่าสุดเข้าพบนายกฯ บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลแล้ว  

“ทนายตั้ม” เดินหน้ายื่น ปปง.ยึด-อายัดทรัพย์สินภรรยา “บิ๊กตำรวจ”

“ทนายตั้ม” รุกคืบยื่น ปปง. ยึด-อายัดทรัพย์สินภรรยา “บิ๊กตำรวจ” ที่ได้จากการฟอกเงินเว็บพนัน พร้อมเปิดตัวละครใหม่ “สารวัตร สาวหล่อ” ให้ ปปง.ตรวจสอบด้วย