ตาก 13 ก.พ. – เกษตรกรผู้ปลูกกุหลาบใน อ.พบพระ จ.ตาก เผยวาเลนไทน์ปีนี้ ยอดจำหน่ายกระเตื้องกว่า 2 ปีที่ผ่านมาเล็กน้อย แต่กำลังซื้อยังไม่ดีขึ้นมาก จากสภาพเศรษฐกิจ แต่ประสบปัญหากุหลาบจากจีนตีตลาด ประกอบกับราคาปุ๋ยและสารเคมีการเกษตรที่ปรับเพิ่ม เกษตรกรจำนวนมากหันไปปลูกพืชอื่น ส่งผลให้พื้นที่ปลูกกุหลาบลดลงกว่าครึ่ง
นายภราดร กานดา เกษตรกรผู้ปลูกกุหลาบ เจ้าของไร่ปฐมเพชร ในอำเภอพบพระ จังหวัดตาก กล่าวว่า ยอดสั่งจองดอกกุหลาบมายังกลุ่มเกษตรกรในอำเภอพบพระ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกุหลาบแหล่งใหญ่ของประเทศ มีเพิ่มขึ้นกว่า 2 ปีที่ผ่านมา การผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิด-19 ทำให้ผู้คนไปมาหาสู่กันมากขึ้น จึงสั่งดอกกุหลาบเพื่อมอบแก่กันในเทศกาลวาเลนไทน์ แต่ยังไม่มากเท่ากับก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจยังไม่ดี
สำหรับราคาดอกกุหลาบปรับสูงขึ้นตั้งแต่ 1 สัปดาห์ก่อนถึงวันวาเลนไทน์ โดยราคาที่เกษตรกรได้รับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่พ่อค้าคนกลางและร้านขายปลีกจะได้กำไรมาก เกษตรกรยังประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูง เพราะราคาปุ๋ยและสารเคมีการเกษตรสูงขึ้น ประเทศไทยมีอากาศร้อนชื้น โรคและแมลงศัตรูพืชเยอะ จึงจำเป็นต้องใช้สารเคมีการเกษตร
นอกจากนี้พ่อค้ายังนำเข้าดอกกุหลาบจากจีน โดยเฉพาะจากนครคุนหมิง มณฑลยูนนานซึ่งราคาไม่แพง กุหลาบเป็นไม้ที่ชอบอากาศเย็น ดังนั้นกุหลาบจากจีนจึงสามารถเลี้ยงให้ก้านยาวตามความนิยมได้ เกษตรกรไทยสู้ทั้งด้านต้นทุน ราคาจำหน่าย และความนิยมของผู้บริโภค เมื่อสู้ไม่ไหวจึงมีหลายรายหันไปปลูกพืชอื่น ทำให้พื้นที่ปลูกกุหลาบทั่วประเทศลดลงกว่าครึ่ง
นายภราดร กล่าวว่า สภาพอากาศในฤดูหนาวของประเทศไทยปีนี้ แม้จะเย็นนาน แต่ไม่ได้เย็นต่อเนื่อง มีภาวะสะบัดร้อนสะบัดหนาว และบางวันมีฝนตก ส่งผลให้กุหลาบที่ไร่ปฐมเพชร ชะงักการเจริญเติบโตบางช่วง ในภาพรวมได้ขนาดดอกที่ใหญ่มากกว่าปีที่อากาศร้อน โดยไม่ได้เน้นจำหน่ายกุหลาบตัดดอก แต่ที่ลูกค้านิยมคือ ดอกกุหลาบในโหลแก้ว เนื่องจากเก็บได้นาน.-สำนักข่าวไทย