กรุงเทพฯ 17 ม.ค. – รมว. เกษตรฯ สั่งกรมชลประทานเร่งสร้างอ่างเก็บน้ำ “น้ำกิ” ให้เป็นแหล่งน้ำต้นทุนแห่งใหม่ของจังหวัดน่าน หลังครม. อนุมัติงบประมาณ 6,200 ล้านบาทในการสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมระบบส่งน้ำ อธิบดีกรมชลประทานเผย สามารถช่วยเพิ่มพื้นที่ชลประทานและส่งน้ำให้แก่พื้นที่ชลประทานเดิมรวมเป็นกว่า 35,000 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 6,000 ครัวเรือน
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า สั่งการให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกิ จังหวัดน่านตามแผนที่กำหนดไว้ หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ดำเนินการได้ วงเงินงบประมาณ 6,200 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 7 ปี (ปีงบประมาณ 2567-2573) เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเพาะปลูกและอุปโภคบริโภคของประชาชนในฤดูแล้ง ช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในฤดูฝน รวมถึงสามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวและขยายพันธุ์ปลาน้ำจืดได้
สำหรับจังหวัดน่านเป็นจังหวัดต้นน้ำของลุ่มน้ำน่าน มีสภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูง มีความลาดชัน ปริมาณฝนตกในพื้นที่อยู่ในเกณฑ์สูง จึงเกิดปัญหาน้ำป่าไหลหลากในฤดูฝน เข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่ราบตามแนวลำน้ำ เกิดความเสียหายเป็นประจำทุกปี ส่วนในฤดูแล้ง พื้นที่เพาะปลูกประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เนื่องจากไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำตันทุนไว้ใช้
ทั้งนี้เมื่อปี พ.ศ. 2555 องค์การบริหารส่วนตำบลผาทอง อำเภอท่าวังผาได้ขอรับการสนับสนุนโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกิพร้อมระบบส่งน้ำในท้องที่บ้านวังผา หมู่ที่ 2 ตำบลผาทอง โดยมีพื้นที่รวม 1,733 ไร่ 84 ตารางวา พื้นที่โครงการตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติน้ำยาวและป่าน้ำสวด คณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีมติเห็นชอบให้กรมชลประทานใช้พื้นที่ดังกล่าวแล้ว ต่อมากรมชลประทานได้เปิดรับฟังความเห็นจากชุมชน เสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเรียบร้อยแล้ว ต่อมาคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้มีมติเห็นชอบโครงการ แล้วนำเสนอต่อที่ประชุมครม. อนุมัติเปิดโครงการ
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกิ พร้อมระบบส่งน้ำ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ได้กำหนดแผนดำเนินโครงการฯ ไว้ 7 ปี (พ.ศ. 2567 – 2573) ลักษณะโครงการฯ เป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียว ความจุที่ระดับเก็บกัก 52.31 ล้าน ลบ.ม. พร้อมก่อสร้างระบบชลประทาน ชนิดท่อส่งน้ำและคลองส่งน้ำดาดคอนกรีต ความยาวรวมกว่า 88 กิโลเมตร หากดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด จะช่วยเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้อีกกว่า 16,000 ไร่ และสนับสนุนน้ำให้กับพื้นที่ชลประทานเดิมอีกกว่า 19,558 ไร่ รวมเป็น 35,558 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 8 ตำบลในอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านได้แก่ ตำบลผาทอง ตำบลผาตอ ตำบลปาคา ตำบลแสนทอง ตำบลศรีภูมิ ตำบลริม ตำบลตาลชุม และเทศบาลตำบลท่าวังผา
นอกจากนี้จะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่ออุปโภคบริโภค และช่วยรักษาระบบนิเวศในพื้นที่ โดยประชาชนจะได้รับประโยชน์กว่า 6,300 ครัวเรือน ซึ่งเมื่อดำเนินโครงการแล้วเสร็จ จะช่วยสร้างความมั่นคงทางด้านน้ำ เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร สร้างรายได้ที่มากขึ้นให้กับเกษตรกร และยังพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชนในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย
