กรุงเทพฯ19 ธ.ค. – อธิบดีกรมชลประทานสั่งระดมเครื่องจักรเครื่องมือเข้าสูบระบายน้ำเพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชนจากน้ำท่วมในภาคใต้ หลังฝนถล่มอย่างหนักหลายวันติดต่อกัน ย้ำต้องเฝ้าระวังต่อเนื่องและดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุอุทกภัยอย่างเต็มศักยภาพ
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า สั่งการให้สำนักงานชลประทานที่ 15 เร่งระบายน้ำที่ท่วมจังหวัดนครศรีธรรมราชเนื่องจากฝนที่ตกหนักทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง เข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.ร่อนพิบูลย์ อ.พระพรหม อ.จุฬาภรณ์ โดยระดับน้ำในคลองท่าดี ที่ บ้านนาป่า อ.เมืองนครศรีธรรมราชและคลองเสาธง บ้านเสาธง อ.ร่อนพิบูลย์ ระดับน้ำยังสูงกว่าตลิ่งและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก
เบื้องต้นสำนักงานชลประทานที่ 15 ได้เปิดประตูระบายน้ำคลองคูพาย ประตูระบายน้ำคลองป่าเหล้า ประตูระบายน้ำคลองนครน้อย และประตูระบายน้ำคลองไม้เสียบ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 63 เครื่อง เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ Hydroflow 5 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำอีก 8 เครื่องในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด
สำหรับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา ฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งบางแห่ง โดยเฉพาะที่จังหวัดนราธิวาสมีปริมาณฝนมากกว่าปีที่แล้ว สำนักงานชลประทานที่ 17 ได้เดินเครื่องสูบน้ำที่ได้ติดตั้งเตรียมพร้อมไว้ก่อนหน้านี้เพื่อเร่งระบายน้ำ ประกอบด้วยเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ 16 เครื่อง เครื่องสูบน้ำ Hydro Flow 6 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำอีก 4 เครื่อง พร้อมกับเดินเครื่องสูบน้ำที่สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าอีก 12 สถานี
ด้านจังหวัดยะลา ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ 1 เครื่อง ส่วนที่จังหวัดปัตตานี ได้เกิดน้ำล้นตลิ่งในแม่น้ำปัตตานี ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ อ.หนองจิก และ อ.เมืองปัตตานี โครงการชลประทานปัตตานี ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ บริเวณโรงพยาบาลหนองจิก 2 เครื่อง โรงพยาบาลโคกโพธิ์ 1 เครื่อง พร้อมเดินเครื่องสูบน้ำที่สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า จํานวน 3 เครื่อง และเดินเครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้าขนาด 36 นิ้ว อีก 1 เครื่อง บริเวณพื้นที่บ้านเขาตูม อ.ยะรัง นอกจากนี้ โครงการชลประทานในพื้นที่ ได้ยกบานประตูระบายน้ำขึ้นพ้นน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ได้หยุดการระบายที่เขื่อนบางลาง จ. ปัตตานีแล้วเพื่อบรรเทาและลดผลกระทบกับประชาชนบริเวณท้ายเขื่อนในพื้นที่จ.ปัตตานีและยะลา อย่างไรก็ตามระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักได้แก่ แม่น้ำโก-ลก แม่น้ำสายบุรี และแม่น้ำปัตตานี ยังคงเพิ่มสูงขึ้น จึงได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงต่างๆ พร้อมจัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือได้แก่ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ และรถแบ๊คโฮ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ เข้าประจำจุดเสี่ยงพร้อมปฏิบัติงานได้ทันที
ที่จังหวัดตรัง เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลุ่มต่ำ อ.ย่านตาขาว และ อ.ปะเหลียน โครงการชลประทานตรัง ได้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ด้าน อ.เมืองตรัง ได้ติดตามโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง หลังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่น้ำได้ไหลลงสู่ระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง และระบายลงสู่ทะเลตามลำดับ
อธิบดีกรมชลประทานกล่าวถึงสถานการณ์น้ำที่จ. สงขลาว่า สถานการณ์น้ำที่ท่วมอ. หาดใหญ่ลดลงแล้ว โดยได้มอบหมายให้นายชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีกรมชลประทานไปสั่งการการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำตั้งแต่คืนวานนี้ ด้วยการให้สำนักงานชลประทานที่ 16 เสริมเครื่องสูบน้ำ ขนาดท่อ 42 นิ้ว อัตราการสูบน้ำ 3.5 ลูกบาศก์เมตร/วินาที 1 เครื่อง บริเวณซอยเพชรมาลัย 3 อ. หาดใหญ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำออกจากเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ลงสู่คลองเตย พร้อมให้ระบายออกคลองภูมินาถดำริ หรือคลองระบายน้ำสายที่ 1 (ร.1) อย่างเต็มศักยภาพเพื่อป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งได้อำนวยการการเร่งระบายน้ำจนระดับน้ำที่ท่วมอ. หาดใหญ่ลดลงแล้ว
ส่วนที่อ. ระโนด ได้เร่งระบายน้ำออกทะเลเพื่อรองรับน้ำที่จะไหลลงมาจากจ. พัทลุงและนครศรีธรรมราช เช่นเดียวกับพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลาในเขตอ. ควรเนียง ปากพะยูน ควนขนุนซึ่งให้เร่งระบายน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาเพื่อบรรเทาภาวะท่วมขัง
อย่างไรก็ตามอธิบดีกรมชลประทานยังคงเน้นย้ำให้โครงการชลประทานทุกพื้นที่ในภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนที่จะตกต่อเนื่อง โดยวันพรุ่งนี้อธิบดีกรมชลประทานจะเดินทางไปยังจ. สงขลาเพื่อติดตามสถานการณ์และสั่งการบริหารจัดการน้ำเพื่อคลี่คลายอุทกภัยที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด.-สำนักข่าวไทย