กรุงเทพฯ 30 พ.ย. – อธิบดีกรมชลประทานระบุ สั่งทุกโครงการชลประทานภาคใต้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากเนื่องจากฝนตกหนักด้วยอิทธิพล 3 ประการทั้งมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้กำลังแรง ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง และหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างมีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่างระหว่างวันที่ 2 – 6 ธ.ค. นี้
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานเปิดเผยว่า สั่งโครงการชลประทานในภาคใต้ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากระหว่างวันที่ 2 – 6 ธันวาคม 2565 ตามที่กรอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า จะมีฝนตกหนักในช่วงวันที่ 3 – 5 ธันวาคม 2565 ด้วยอิทธิพล 3 ประการคือ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง และหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างมีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่าง ทำให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง
นอกจากนี้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ออกประกาศแจ้งเตือนเรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ด้วย จากการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงของกรมชลประทานจึงสั่งการให้เตรียมรับมือสถานการณ์ฝนตกหนักใน 13 จังหวัดได้แก่
– จังหวัดระนอง (อำเภอละอุ่น)
– จังหวัดชุมพร (อำเภอปะทิว เมืองชุมพร สวี ทุ่งตะโก หลังสวน ละแม ท่าแซะ และพะโต๊ะ)
– จังหวัดภูเก็ต (อำเภอถลาง และเมืองภูเก็ต)
– จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอกาญจนดิษฐ์ เกาะพะงัน เกาะสมุย และดอนสัก)
– จังหวัดพังงา (อำเภอคุระบุรี ตะกั่วป่า และท้ายเหมือง)
– จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอขนอม และสิชล)
– จังหวัดตรัง (อำเภอปะเหลียน และหาดสำราญ)
– จังหวัดพัทลุง (อำเภอเขาชัยสน บางแก้ว ปากพะยูน ป่าบอน และเมืองพัทลุง)
– จังหวัดสตูล (อำเภอควนกาหลง ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง เมืองสตูล และละงู)
– จังหวัดสงขลา (อำเภอกระแสสินธุ์ ควนเนียง จะนะ เทพา บางกล่ำ เมืองสงขลา รัตภูมิ สะบ้าย้อย สิงหนครหาดใหญ่ นาทวี และสะเดา)
– จังหวัดปัตตานี (อำเภอโคกโพธิ์ ปะนาเระ เมืองปัตตานี แม่ลาน ไม้แก่น ยะรัง ยะหริ่ง สายบุรี หนองจิก กะพ้อทุ่งยางแดง และมายอ)
– จังหวัดยะลา (อำเภอรามัน เมืองยะลา และยะหา)
– จังหวัดนราธิวาส (อำเภอเจาะไอร้อง ตากใบ บาเจาะ เมืองนราธิวาส ยี่งอ ระแงะ รือเสาะ ศรีสาคร สุไหงโก-ลกสุไหงปาดี แว้ง และสุคิริน)
นอกจากนี้ยังกำชับให้เฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาที่อาจมีระดับสูงขึ้นอย่างฉับพลันและล้นตลิ่งได้แก่ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำชุมพร คลองหลังสวน แม่น้ำตาปี แม่น้ำพุมดวง แม่น้ำตะกั่วป่าแม่น้ำปากพนัง แม่น้ำตรัง คลองชะอวด แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำบางนรา และแม่น้ำโก-ลก
ทั้งนี้โครงการชลประทานทุกแห่งต้องเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มปริมาตรน้ำสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการเก็บกักน้ำสูงสุด (Upper Rule Curve) รวมทั้งอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีปริมาตรน้ำมากกว่าร้อยละ 80 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้นกระทบพื้นที่ด้านท้ายน้ำ โดยเฉพาะเขื่อนบางลาง ต้องให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุดบริเวณท้ายเขื่อน
นายประพิศกล่าวว่า ได้ย้ำให้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและ อิทธิพลของการขึ้น – ลง ของน้ำทะเล โดยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที ที่สำคัญให้ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้าแก่ประชาชนที่คาดว่า จะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์.-สำนักข่าวไทย