กรุงเทพฯ 20 พ.ย.- รมว. เฉลิมชัยสั่งกรมชลประทานเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในภาคใต้ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนฝนจะตกหนัก 21 – 23 พ.ย. ย้ำให้แจ้งเตือนและพร้อมช่วยเหลือประชาชน อธิบดีกรมชลประทานเผย เฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรีลงไป พร้อมกำชับทุกพื้นที่ดำเนินการตามแผนรับสถานการณ์น้ำหลากอย่างเต็มกำลัง
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ห่วงใยประชาชนและเกษตรกรทุกพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำ ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งเกาะบอร์เนียวมีแนวโน้มเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ตอนล่าง และจะมีกำลังแรงขึ้น คาดว่า จะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวนในวันที่ 21 – 22 พ.ย. และเข้าสู่อ่าวไทยในช่วงวันที่ 23 – 24 พ.ย. ประกอบกับ
ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณปลายแหลมญวน ส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้
สำหรับพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ ภาคใต้เนื่องจากยังอยู่ในฤดูฝน ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก จึงสั่งการให้กรมชลประทานติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพน้ำท่าอย่างใกล้ชิด บริหารจัดการน้ำตามแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก ที่สำคัญต้องแจ้งเตือนประชาชนถึงสถานการณ์น้ำที่อาจส่งผลกระทบ รวมถึงให้เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือและบุคลากรให้พร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ได้กำชับโครงการชลประทานทุกแห่งในภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรีลงไป ให้ดำเนินการตามรับสถานการณ์น้ำหลากอย่างเต็มกำลังตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เสี่ยงท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากตามประกาศของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ที่ให้เฝ้าระวังในช่วงวันที่ 21 – 24 พ.ย. นี้
สำหรับพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและน้ำท่วมขังมีดังนี้
- จังหวัดเพชรบุรีได้แก่ อำเภอท่ายาง บ้านลาดชะอำ แก่งกระจาน และเมืองเพชรบุรี
- จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้แก่ อำเภอบางสะพาน เมืองประจวบคีรีขันธ์ ทับสะแก บางสะพานน้อย และกุยบุรี
- จังหวัดระนองได้แก่ อำเภอละอุ่น
- จังหวัดชุมพรได้แก่ อำเภอปะทิว เมืองชุมพร สวี ทุ่งตะโก หลังสวน ละแม ท่าแซะ และพะโต๊ะ
- จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้แก่ อำเภอดอนสัก เกาะสมุย กาญจนดิษฐ์ บ้านนาสาร เกาะพะงัน เมืองสุราษฎร์ธานี บ้านนาเดิม พุนพิน พนม บ้านตาขุน และท่าชนะ
- จังหวัดพังงาได้แก่ อำเภอคุระบุรี ตะกั่วป่า ท้ายเหมือง เมืองพังงา กะปง ทับปุด และตะกั่วทุ่ง
- จังหวัดภูเก็ตได้แก่ อำเภอถลางและเมืองภูเก็ต
- จังหวัดกระบี่ได้แก่ อำเภอปลายพระยา อ่าวลึก และเมืองกระบี่
- จังหวัดตรังได้แก่ อำเภอนาโยง เมืองตรัง ห้วยยอด และรัษฎา
- จังหวัดนครศรีธรรมราชได้แก่ อำเภอทุ่งสง ลานสกา ร่อนพิบูลย์ ขนอม ช้างกลาง นาบอน พระพรหม จุฬาภรณ์ สิชล เมืองนครศรีธรรมราช นบพิตำ ฉวาง พรหมคีรี เฉลิมพระเกียรติ พิปูน ทุ่งใหญ่ ชะอวด ถ้ำพรรณรา ท่าศาลา บางขัน และปากพนัง
- จังหวัดพัทลุงได้แ่ อำเภอศรีนครินทร์ ศรีบรรพต เมืองพัทลุง ควนขนุน และป่าพะยอม
- จังหวัดสตูลได้แก่ อำเภอละงู และเมืองสตูล
นายประพิศกล่าวว่า ย้ำให้โครงการชลประทานทุกแห่งเฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งบริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำเพชรบุรี แม่น้ำปราณบุรี แม่น้ำชุมพร คลองหลังสวน แม่น้ำท่าตะเภา แม่น้ำสวี แม่น้ำตาปี แม่น้ำพุมดวง แม่น้ำตะกั่วป่า แม่น้ำตรัง และแม่น้ำปากพนัง
พร้อมกันนี้สั่งการให้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม โดยปรับแผนระบายน้ำจากเขื่อนและประตูระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำและบริหารพื้นที่ลุ่มต่ำให้เป็นแก้มลิงหน่วงน้ำ เพื่อลดผลกระทบจากมวลน้ำที่จะไหลหลากมายังบริเวณพื้นที่เสี่ยง
ทั้งนี้ให้เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือและบุคลากร รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อพร้อมบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ เข้าช่วยเหลือได้ทันที ตลอดจนให้ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำและแจ้งเตือนประชาชนที่คาดว่า จะได้รับผลกระทบเพื่อเตรียมพร้อมอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์.-สำนักข่าวไทย