กรุงเทพฯ 1 พ.ย.- กรมประมงฝังไมโครชิพปลาบึก ถอดรหัส DNA พร้อมรวบรวมข้อมูลความหลากหลายและการกระจายพันธุ์ในจังหวัดลุ่มน้ำโขง เตรียมคัดเลือกสายพันธุ์คุณภาพ เพื่ออนุรักษ์พันธุ์ปลาที่มีอยู่น้อยในธรรมชาติ ให้สามารถอยู่คู่กับแม่น้ำโขงได้ จากนั้นจะต่อยอดด้านการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ต่อไป
นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมงกล่าวว่า กรมประมงจัดทำข้อมูลรหัสประจำตัวปลาบึกอิงหลักพันธุศาสตร์พร้อมติดเครื่องหมาย (ไมโครชิพ) 100 ตัว เพื่อบันทึกเป็นฐานข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับตัวปลาได้แก่ แหล่งที่มาเพศปลา รวมถึงการใช้ประโยชน์ร่วมกับข้อมูลเครื่องหมายพันธุกรรมเพื่อระบุคู่ผสมที่มีความแตกต่างทางพันธุกรรมเตรียมจัดทำแผนการเพาะพันธุ์ปลาบึกให้คงความหลากหลายทางพันธุกรรมอย่างยั่งยืน
การฝังไมโครชิพในครั้งนี้ ได้ทำในปลาบึกน้ำหนัก 10 – 60 กิโลกรัม 100 ตัวที่นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดการทรัพยากรประมงมอบให้กรมประมงไว้ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเชียงราย
“ปลาบึก” เป็นปลาน้ำจืดไม่มีเกล็ดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จัดเป็นปลาที่อยู่กลุ่มสัตว์หายากและใกล้สูญพันธุ์ในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์” (CITES) ในบัญชีหมายเลข 1 (Appendix I) ในประเทศไทยพบการกระจายตัวอยู่ในแม่น้ำโขงตั้งแต่จังหวัดเชียงรายจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี
กรมประมงได้ศึกษาการเพาะพันธุ์ปลาบึกจนประสบความสำเร็จด้วยวิธีผสมเทียมครั้งแรกของโลกเมื่อปี พ.ศ. 2526 ปัจจุบันสามารถเพาะขยายพันธ์ปลาบึกและได้นำลูกพันธุ์ปลาที่ได้กระจายให้กับหน่วยงานกรมประมงทั่วประเทศเพื่อพัฒนาต่อยอดการขยายพันธุ์ทั้งในบ่อดินและบ่อซีเมนต์เพื่อไม่ให้ปลาบึกสูญพันธุ์ไป
นอกจากนี้นำหลักพันธุศาสตร์มาวางแผนการผสมพันธุ์ทั้งในด้านจำนวนพ่อแม่พันธุ์ วิธีการผสม การนำปลารุ่นใหม่มาทดแทนพ่อแม่พันธุ์ปลาชุดเก่า ตลอดจนควบคุมกิจกรรมในโรงเพาะฟัก และควบคุมการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมให้เป็นไปในทิศทางที่ดี หลีกเลี่ยงการผสมเลือดชิด เพื่อคงความหลากหลายทางพันธุกรรมที่มีอยู่ไว้ให้มากที่สุด
ส่วนวิธีฝังไมโครชิพทำโดยใช้กระบอกฉีดพิเศษที่ไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยากับร่างกายสัตว์น้ำเมื่อฝังไมโครชิพเข้าไปชั้นใต้ผิวหนังหรือกล้ามเนื้อ พร้อมเก็บข้อมูลการเจริญเติบโตได้แก่ น้ำหนัก ความยาวลำตัวและรอบอก ตลอดจนเก็บตัวอย่างครีบปลาบึกเพื่อใช้สำหรับตรวจสอบข้อมูลด้านดีเอ็นเอในอนาคต เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลทางพันธุกรรมก่อนกระจายไปยังหน่วยงานต่างๆ
ทั้งนี้กรมประมงวางแนวทางเบื้องต้นในการบริหารจัดการปลาบึกเพื่อการอนุรักษ์ในแม่น้ำโขงและการเพาะขยายพันธุ์เพื่อการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ในอนาคต เนื่องจากแหล่งที่อยู่อาศัยในธรรมชาติเสื่อมโทรมลงทำให้ประชากรปลาบึกไม่สามารถสืบพันธุ์และเจริญเติบโตได้ทันต่อความต้องการ ส่งผลให้จำนวนประชากรปลาบึกตามธรรมชาติลดลงขณะที่การเพาะขยายพันธุ์อยู่ที่การลำเลียงพ่อแม่พันธุ์ขึ้นมาศึกษาวิจัยโดยไม่ให้ได้รับความบอบช้ำเพราะเป็นปลาที่ตายง่ายมาก
สำหรับในปี 2565 มีแผนดำเนินงานดังนี้
1. วางแผนบริหารจัดการพันธุ์ปลาบึกให้เหมาะสมต่อการเพาะพันธุ์เพื่อการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์และปลาบึก
ที่เหมาะสมต่อการปล่อยในถิ่นกำเนิดแม่น้ำโขง
2. มอบหมายให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทุกจังหวัดรวบรวมข้อมูลความหลากหลายของปลาบึกที่อยู่ในจังหวัดและรายงานให้ทราบถึงแหล่งที่มาทางพันธุกรรมของพ่อแม่พันธุ์ปลาบึก
3. มอบหมายให้กองวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำ กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด และกองวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด บูรณาการร่วมกันจัดทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับปลาบึกเพื่อเสนอขอทุนวิจัยจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)
รองอธิบดีกรมประมงกล่าวย้ำว่า การจัดทำข้อมูลรหัสประจำตัวปลาบึกพร้อมฝังไมโครชิพจะช่วยให้มีข้อมูลในการคงความหลากหลายทางพันธุกรรมของสายพันธุ์ ตลอดจนควบคุมการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมเพื่ออนุรักษ์ปลาบึกให้คงไว้ในแม่น้ำโขงสืบไป.-สำนักข่าวไทย