กรุงเทพฯ 8 ต.ค.- กรมชลประทานปิดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ต่อเนื่องเพื่อลดปริมาณน้ำเหนือที่จะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเพิ่มการรับน้ำเข้าทุ่งลุ่มต่ำทั้ง 10 ทุ่ง บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ ทั้งยังสามารถควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ในเกณฑ์ประมาณ 3,000 ลบ.ม./วินาที เพื่อลดผลกระทบกรุงเทพฯ และปริมณฑลในห้วงน้ำทะเลหนุน
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ได้ประสานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้ปิดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล จังหวัดตากเพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลสู่แม่น้ำปิง พร้อมปิดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่แม่น้ำน่าน โดยปิดต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคมเป็นต้นมา ทั้งนี้เป็นการช่วยลดน้ำเหนือที่จะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์
วันนี้ระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,978 ลบ.ม./วินาที โดยจะควบคุมให้ไม่เกิน 3,000 ลบ.ม./วินาที แต่เพิ่มการรับน้ำผ่านระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพื่อรับเข้าทุ่งลุ่มต่ำ ซึ่งเป็นการบรรเทาผลกระทบที่มีต่อพื้นที่นอกคันกั้นน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา พร้อมกันนี้จัดชุดเฉพาะกิจร่วมกับโครงการชลประทานในพื้นที่ ติดตามตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของคันกั้นน้ำชั่วคราวต่างๆ หากพบจุดที่อาจมีความเสี่ยงให้เร่งเข้าไปซ่อมแซมให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังเสริมคันดิน พร้อมเตรียมกระสอบทราย เพิ่มความแข็งแรงของคันคลอง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหลากเข้าพื้นที่เสี่ยง
การบริหารจัดการน้ำดังกล่าว ทำให้สามารถควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 3,000 ลบ.ม./วินาที เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบต่อกรุงเทพมหานครและปริมณฑลในห้วงที่น้ำทะเลหนุนสูงจนถึงวันที่ 13 ตุลาคม พร้อมกันนี้ได้เร่งระบายน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาออกอ่าวไทยให้เร็วที่สุด.-สำนักข่าวไทย