กรุงเทพฯ 5 ต.ค.- กรมชลประทานส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด 3 จังหวัดคือ ชัยนาท อุทัยธานี และนครสวรรค์เพื่อแจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังและเตรียมรับสถานการณ์น้ำที่จะสูงขึ้น 30 เซนติเมตรเนื่องจากจำเป็นต้องใช้เขื่อนเจ้าพระยาหน่วงน้ำ ส่งผลให้ระดับน้ำหน้าเขื่อนยกตัว ล่าสุดจังหวัดชัยนาทออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนริม 2 ฝั่งแม่น้ำเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง พร้อมให้ขนย้ายทรัพย์สิน และเตรียมจุดพักพิงชั่วคราวแล้ว
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท อุทัยธานีและนครสวรรค์เพื่อให้แจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังระดับน้ำที่จะสูงขึ้นประมาณ 30 เซนติเมตร แล้วเอ่อล้นตลิ่งทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าพื้นที่การเกษตรและชุมชนริมน้ำนอกคันกั้นน้ำ
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ระดับน้ำในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งอยู่เหนือเขื่อนเจ้าพระยาสูงขึ้น เนื่องจากจำเป็นต้องใช้เขื่อนเจ้าพระยาหน่วงน้ำเหนือที่จะไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่าง แล้วทำให้ระดับน้ำหน้าเขื่อนยกตัวจากระดับ 17.20 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (เมตรรทก.) โดยจะควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ 17.50 เมตรรทก. เหมือนในปี 2564
อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ปริมาณน้ำเหนือที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์วันนี้อยู่ที่ 2,974 ลบ.ม./วินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ซึ่งอยู่ที่ 2,841 ลบ.ม./วินาที มีน้ำจากแม่น้ำสะแกกรัง จังหวัดอุทัยธานีไหลมารวมในอัตรา 333 ลบ.ม./วินาทีแล้วไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 3,097 ลบ.ม./วินาที เมื่อรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งเหนือเขื่อนเจ้าพระยาแล้ว จะมีน้ำไหลผ่านเขื่อน 2,700-2,800 ลบ.ม./วินาที แต่กรมชลประทานเสนอต่อที่ประชุมศูนย์อำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ว่า จะควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาไม่เกิน 2,700 ลบ.ม./วินาทีเพื่อช่วยพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนเนื่องจากเกิดภาวะน้ำท่วมขังชุมชนริมตลิ่งนอกคันกั้นน้ำจำนวนมาก ได้รับความเดือดร้อนเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว ซึ่งต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ดังนั้นเพื่อควบคุมผลกระทบดังกล่าวไม่ให้ขยายวงกว้างขึ้นไปอีก กรมชลประทานจึงมีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ว่างเหนือเขื่อนเจ้าพระยาชะลอน้ำไว้ โดยระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอาจเพิ่มขึ้น ไม่ให้เกิน 17.50 เมตรมรทก. ดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 30 เซนติเมตร บริเวณอำเภอเมืองชัยนาท อำเภอวัดสิงห์ และอำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี และอำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ โดยน้ำจะเอ่อลันตลิ่งทั้งสองฝั่งเข้าพื้นที่การเกษตรและชุมซนริมน้ำนอกคันกั้นน้ำประมาณ700 ครัวเรือน
ล่าสุดนายนที มนตริวัต รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ในฐานะผู้อำนวยการจังหวัดออกประกาศให้อำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
1. ให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ให้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับพื้นที่ที่คาดว่า จะได้รับผลกระทบให้ขนย้ายทรัพย์สินขึ้นไว้บนที่สูงและปลอดภัย จากระดับน้ำที่จะสูงขึ้น และป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่ว
2. ให้อำเภอประสานและบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยทหารในพื้นที่ ในการเสริมแนวป้องกันพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกลสาธารณภัย และแผนเผชิญเหตุสำหรับให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง
3. ให้อำเภอในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังให้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว และให้เข้าไปประเมินความเสียหาย ช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับมาปกติโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนพร้อมทั้ง ติดตั้งป้ายและสัญญาณไฟในการแจ้งเตือนบริเวณที่มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และจุดอพยพของประชาชน
4. ให้หน่วยงานสาธารณสุข ประสานอาสาสมัครในพื้นที่สำรวจผู้ประสบภัยที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง หากพบการติดค้างในพื้นที่น้ำท่วมให้ดำเนินการเข้าช่วยเหลือด้านการอพยพมายังศูนย์พักพิงพร้อมทั้งจัดหน่วยแพทย์ดูแลอย่างใกล้ซิด
5. หากเกิดสาธารณภัยในพื้นที่ ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอรายงานกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาททราบทันที ทางหมายเลขโทรศัพท์/โทรสาร 056-476431หรือช่องทางแอปพลิเคชันไลน์ @1784DDPM ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย