กรมส่งเสริมสหกรณ์คว้ารางวัลเลิศรัฐรวม 11 ผลงาน

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับรางวัลเลิศรัฐปี 65 รวม 11 ผลงาน จาก 2 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง6 ผลงาน แสดงให้ถึงประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรที่ตั้งใจทำหน้าที่ เตรียมขยายผลความสำเร็จของสหกรณ์ต้นแบบสู่สหกรณ์อื่นๆ ทั่วประเทศ 


สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) จัดพิธีมอบรางวัลเลิศรัฐประจำปี พ.ศ. 2565 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Meeting) โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ซึ่งได้รับรางวัลใน 2 สาขา 11 รางวัลจัดสถานที่รับมอบรางวัลที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ เทเวศร์กรุงเทพฯ มีคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เข้าร่วมรับชมงานและส่งแรงใจเชียร์ พร้อมการถ่ายทอดสดออนไลน์การจัดพิธีมอบรางวัลไปยังหน่วยงานส่วนภูมิภาคและสหกรณ์ภาคีเครือข่าย 

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า  ปีนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับรางวัล 11 ผลงาน จาก 2 สาขา ประกอบด้วย สาขาบริการภาครัฐ ประเภทพัฒนาการบริการระดับดี 1 รางวัล และสาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม 10 รางวัล เป็นประเภทรางวัลร่วมใจแก้จน ระดับดีเด่น 2 รางวัล และระดับดี 7 รางวัล ประเภทรางวัลสัมฤทธิ์ผลประชาชนมีส่วนร่วม ระดับดี 1 รางวัล ส่วนสาขาการบริหารจัดการภาครัฐปีนี้ไม่มีการส่งประกวดแต่อย่างใด


ทั้งนี้เป็นที่น่ายินที่ปีนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับรางวัลเลิศรัฐเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกๆ ปี โดยปี 2564 กรมส่งเสริมสหกรณ์รับรางวัลเลิศรัฐ 5 รางวัล ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 11 รางวัล กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้พัฒนาการดำเนินงานอย่างจริงจังและต่อเนื่อง แล้วนำผลงานส่งผลงานเข้าประกวดจนได้รับรางวัล 2 สาขา ส่วนอีกหนึ่งสาขาที่ไม่ได้ส่งประกวดนั้น เป็นสาขาบริหารจัดการภาครัฐในองค์กรของกรม ซึ่งขณะนี้เร่งดำเนินการในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่การจัดทำฐานข้อมูล (ระบบMIS) เพื่อใช้ประกอบการกำหนดนโยบาย การตัดสินใจของผู้บริหาร และการส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์ สนองตอบกลุ่มผู้รับบริการคือ สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้ได้ประโยชน์สูงสุด พร้อมย้ำว่า ปีหน้าตั้งใจส่งให้ครบทั้ง 3 สาขาโดยยังมีอีกหลายโครงการที่สามารถส่งเข้าประกวดได้เช่น โครงการแก้ปัญหาน้ำในไร่นา กองทุนพัฒนาสหกรณ์ และอีกหลายโครงการ 

นายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนากระบวนงานและยกระดับการให้บริการของกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อเสนอผลงานของรับรางวัลเลิศรัฐ กล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมในการทำให้กรมได้รับรางวัลเลิศรัฐในปี 2565 นี้ การที่ได้รับถึง 11 รางวัลแสดงถึงประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากรกรมส่งเสริมสหกรณ์ นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาจากรางวัลในปีนี้แล้ว กรมส่งเสริมสหกรณ์อยู่ในลำดับต้นๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อีกทั้งกล่าวด้วยความชื่นชมว่า รางวัลนี้ได้มายากลำบากเพราะมีหน่วยงานจากภายนอกเข้ามาประเมิน ทั้งสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) คณะผู้ประเมินมาจากภาครัฐ ภาคเอกชน จึงเป็นรางวัลที่มีคุณค่ามาก

สำหรับรางวัลของกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่ได้รับในปี 2565 ที่ได้รับรวม 11 รางวัล ประกอบด้วย


– สาขาบริการภาครัฐ ประเภทพัฒนาการบริการ 1 รางวัล จากผลงาน รัฐร่วมมือ ราษฎร์ร่วมใจ แก้หนี้ด้วยวิถีพอเพียงสำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครพนม 

– สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม 10 รางวัล แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ รางวัล สัมฤทธิ์ผลประชาชนมีส่วนร่วม1 รางวัล ผลงานความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่นพลิกโฉมกาแฟพรีเมี่ยมดอยสะเก็ด สำนักงานสหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่และรางวัลร่วมใจแก้จน 9 รางวัล เป็นรางวัลระดับดีเด่น 2 ผลงาน ได้แก่ ผลงานเลี้ยงควายแก้จน บนวิถีพอเพียงบ้านเกาะแกด สำนักงานสหกรณ์จังหวัดอุบลราชธานี และผลงานเห็ดหูหนู กู้วิกฤติแก้จนชุมชนบ้านเชิงสะพานสำนักงานสหกรณ์จังหวัดราชบุรี และรางวัลระดับดี 7 ผลงาน ได้แก่ ผลงานการตลาดนำการผลิต พริก พลิกชีวิตความจน คนท่าวังผาสำนักงานสหกรณ์จังหวัดน่านร่วมกับสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ผลงานสืบสานต่อยอดอาชีพหม่อนไหม ดงบังร่วมใจ ชุมชนพอเพียง สำนักงานสหกรณ์จังหวัดชัยภูมิ ผลงาน “ปลาส้มสายเดี่ยว” สร้างงาน สร้างอาชีพ ชุมชน คนหลังเขื่อนอุบลรัตน์ สหกรณ์การเกษตรโนนสัง จำกัด สำนักงานสหกรณ์จังหวัดหนองบัวลำภู ผลงาน“เห็ดกุดดินจี่” เปลี่ยนชีวิต พิชิตความจน ชุมชนเข้มแข็ง สำนักงานสหกรณ์จังหวัดหนองบัวลำภู ผลงานเปลี่ยนผืนนา สู่แปลงปาล์ม สร้างรายได้ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช ผลงานแก้จน พ้นหนี้ วิถีคนเซกา สำนักงานสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬ และผลงาน “แปลงใหญ่” รวมพลัง สร้างรายได้สหกรณ์นิคมพนม จำกัด สำนักงานสหกรณ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำกัด 

รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าวย้ำว่า ผลงานของสหกรณ์ที่เข้าประกวด มีการบริหารงานที่โปร่งใส มีการจัดทำบัญชีทำให้ตรวจสอบได้ ไม่มีประวัติการทุจริต กรมจะพิจารณาอย่างจริงจังถึงแนวทางรักษาไว้ โดยต้องทำให้เป็นสหกรณ์ต้นแบบเพื่อต่อยอดขยายผลไปยังสหกรณ์อื่นๆ ต่อไป

นางสาวนิ่มนวล ศรีรักษา ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเซกา จำกัด ซึ่งได้รับรางวัลระดับดี สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมประเภทรางวัลร่วมใจแก้จน กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับรางวัลดังกล่าว ถือเป็นกำลังใจอย่างดียิ่งให้กับคณะกรรมการสหกรณ์และทีมงานในการช่วยเหลือสมาชิกต่อไป โดยเมื่อปีที่แล้วสหกรณ์การเกษตรเซกา จำกัด ได้รับรางวัลร่วมใจแก้จนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของกรมส่งเสริมสหกรณ์มาแล้วด้วย 

ทั้งนี้จุดเด่นของสหกรณ์การเกษตรเซกาคือ การนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาส่งเสริมการพัฒนาอาชีพสมาชิกให้เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนาให้เขามีอาชีพมีรายได้ที่มั่นคงมีความอยู่ดีกินดี สมาชิกอยู่ได้สหกรณ์ก็อยู่ได้ พร้อมขอบคุณกรมส่งเสริมสหกรณ์และหน่วยงานเจ้าของรางวัลที่มอบรางวัลดังกล่าวให้กับสหกรณ์การเกษตรเซกา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย