ก.พ.ร.มอบรางวัลเลิศรัฐ ชูองค์กรต้นแบบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

นนทบุรี 18 ก.ย. – สำนักงาน ก.พ.ร. จัดงานเสวนาวิชาการและพิธีมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2567 โดยมีผลงานที่โดดเด่นจากหน่วยงานภาครัฐที่ได้รับการยกย่องในฐานะหน่วยงานต้นแบบที่มีผลการทำงานที่เป็นเลิศ ซึ่งปีนี้กรมอนามัย สำนักงานอาหารและยา และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) คว้ารางวัลเกียรติยศเลิศรัฐไปครอง


สำนักงาน ก.พ.ร. การจัดงานเสวนาวิชาการและพิธีมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2567 ตามแนวคิด “Transforming Public Service for Sustainability: พลิกโฉมบริการภาครัฐ สู่ความยั่งยืน” ณ ห้องรอยัล อิมแพคเมืองทองธานี โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ภายในงานมีช่วงเสวนาวิชาการที่น่าสนใจ 2 หัวข้อ ประกอบด้วย หัวข้อแรก “พลิกโฉมกฎหมายอำนวยความสะดวก ยกระดับบริการ สร้างความโปร่งใสภาครัฐ” และหัวข้อที่สอง “คิดอย่างยั่งยืนกับองค์กรภาครัฐต้นแบบ” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน และช่วงพิธีมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2567 ซึ่งจะเป็นการมอบรางวัลให้กับหน่วยงานภาครัฐที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ในการพัฒนาบริการ การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม และการพัฒนาองค์กรอย่างโดดเด่น ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัลจะเป็นต้นแบบที่ดีให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาระบบงานของหน่วยงานให้ดียิ่งขึ้นและเกิดความยั่งยืนต่อไป

“รางวัลเลิศรัฐ” (Public Sector Excellence Awards : PSEA) ถือเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศที่มอบให้หน่วยงานที่ได้มุ่งมั่นปฏิบัติราชการจนประสบความสำเร็จมีความเป็นเลิศแห่งหน่วยงานรัฐทั้งปวง แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ รางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ รางวัลเลิศรัฐยอดเยี่ยม และรางวัลเลิศรัฐสาขา สำหรับในปี 2567 มีหน่วยงานที่ได้รับรางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้หน่วยงานที่เป็นต้นแบบสร้างคุณค่าจนประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน จำนวน 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมอนามัย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ส่วนรางวัลเลิศรัฐยอดเยี่ยม มอบให้แก่หน่วยงานที่ได้รับรางวัลดีเด่นทั้ง 3 สาขา คือ สาขาบริการภาครัฐ สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม และสาขาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ กรมธนารักษ์ สำหรับรางวัลเลิศรัฐสาขา จะมอบให้แก่หน่วยงานที่มีการพัฒนาโดดเด่นในแต่ละสาขา โดยในปีนี้มีหน่วยงานที่ได้รับรางวัลเลิศรัฐสาขาบริการภาครัฐ จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ กรมการแพทย์ โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี อย่างไรก็ตาม ในปีนี้มีการมอบรางวัลเกียรติยศ ซึ่งถือเป็นรางวัลพิเศษให้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับรางวัล United Nations Public Service Awards 2024 สาขา Innovation in Public Institutions ในผลงาน Academic Insight into Action for Pandemic Response


นอกจากนี้ได้มีการมอบรางวัลบริการภาครัฐ โดยมอบให้แก่หน่วยงานที่มีการพัฒนาประสิทธิภาพ การให้บริการประชาชนได้อย่างโดดเด่น รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ มอบให้แก่หน่วยงานที่มีการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการองค์การไปสู่ความเป็นเลิศ และรางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมมอบให้แก่หน่วยงานที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารราชการ

สำหรับผลงานได้รับรางวัลในปีนี้จะเห็นได้ว่ามีความโดดเด่นในหลายๆ ด้าน อาทิ
1.) การนำนวัตกรรมมาใช้ทำงานและยกระดับการให้บริการ รวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เช่น โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี กรมการแพทย์ ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พัฒนาและสร้างหุ่นยนต์ผสมยาเคมีบำบัดต้นแบบขึ้นเพื่อให้ประเทศไทยสามารถผลิตหุ่นผสมยาได้เองในราคาไม่แพง มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติงาน ทำให้ระยะเวลารอคอยในการให้ยาเคมีบำบัดน้อยกว่า 6 สัปดาห์ เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 80.44 เป็นร้อยละ 96.25จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำหุ่นยนต์ต้นแบบอัจฉริยะ มาช่วยรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ด้วยสารรังสีไอโอดีน แห่งแรกของไทยและของโลกเพิ่มความปลอดภัยทางรังสีแก่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยด้วยระยะเวลาที่สั้นและเร็วที่สุด ฯลฯ
2.) การขับเคลื่อนองค์การโดยใช้ข้อมูล ใช้ข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ในการพัฒนานโยบายและให้บริการกับประชาชน เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า บริหารจัดการข้อมูลนิติบุคคลขนาดใหญ่ ให้รองรับปริมาณการขอเอกสารทางทะเบียนที่มากกว่า ๑๐ ล้านคำขอต่อปี เพื่อบริการที่สะดวกรวดเร็ว ข้อมูลที่ทันสมัย พร้อมใช้และปลอดภัย รวมถึงกรมวิชาการเกษตร ที่ได้พัฒนาระบบข้อมูลให้เป็นดิจิทัล (Digitize Data) ทั้งข้อมูลที่ใช้ภายในหน่วยงานและข้อมูลที่จะเผยแพร่สู่หน่วยงานภายนอก/สาธารณะ เพื่อนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (Open Data) เช่น โครงการพัฒนาระบบการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก (Big Data Analytics) ด้านการเกษตรจากฐานข้อมูลที่สำคัญ
3.) การพัฒนาไปสู่องค์การดิจิทัล หน่วยงานได้ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีไปใช้
ในการยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการและการบริหารจัดการเพิ่มมากขึ้น เช่น กรมทรัพย์สินทางปัญญา พัฒนาการยื่นคําขอจดทะเบียนและต่ออายุการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแบบเร่งด่วน (Fast Track) รวมทั้งการชําระค่าธรรมเนียมการยื่นคําขอดังกล่าว สามารถยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e- Filing)
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พัฒนางานของ DBD “3 ปรับ 5 เปิด” ปรับข้อมูลเป็นดิจิทัลตั้งแต่ต้นทาง
ผ่านระบบจดทะเบียนธุรกิจออนไลน์ e-Registration และการเปิดภาครัฐ (Government Open Data)
ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลที่เข้าถึงและใช้ได้เสรี ไม่จำกัดแพลตฟอร์ม ไม่เสียค่าใช้จ่าย
4) การออกแบบการให้บริการเฉพาะบุคคล เช่น โรงพยาบาลปางมะผ้า โรงพยาบาลขนาด 30 เตียง อยู่ติดชายแดนไทย – พม่า ผู้รับบริการส่วนใหญ่เป็นชาติพันธุ์ ได้นำแนวคิด Smart Hospital ในพื้นที่ห่างไกล  มาพัฒนาการบริการสะดวก รวดเร็ว มีคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอปางมะผ้า โดยใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพด้วยการให้ความสำคัญผู้รับบริการ นำมาออกแบบระบบ การบริการหรือผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่เริ่มต้นจนส่งมอบในรูปแบบ End to end ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน
และสร้างความพึงพอใจ ผู้รับบริการ
5.) การพัฒนาไปสู่ภาครัฐระบบเปิด โดยมีรูปแบบจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อเน้นการจัดการและนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และเชื่อมโยงและเผยแพร่ข้อมูลผ่านอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า พัฒนาฐานข้อมูล oracle 12C และ Economic Index Dashboard
ที่ทำให้ข้อมูลมีความถูกต้อง แม่นยำ ครบถ้วน ในทุกมิติ รวมถึงกรมธนารักษ์ นำแนวคิดภาครัฐระบบเปิด
เพื่อนำมาสู่การแก้ไขปัญหาชุมชนในการโต้แย้งกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุ  
 การมอบรางวัลเลิศรัฐให้แก่หน่วยงานภาครัฐ นับเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการพัฒนาระบบราชการ
ที่สะท้อนความสำเร็จในการพัฒนาการให้บริการและการพัฒนาองค์การของภาครัฐ เพื่อไปสู่ความเป็นเลิศ
ในการปฏิบัติราชการ ที่สามารถปรับเปลี่ยนแนวคิดและวิธีการ เพื่อนำไปสู่การพลิกโฉมการบริการที่มีมาตรฐาน และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างยั่งยืน.-513-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

เจอตัวแล้ว! ทหารรัวปืน พาญาติช่วยเจรจามอบตัว

สุรินทร์ 15 ส.ค.- เจอตัวแล้ว! ทหารรัวปืนกลางดึก หลบอยู่ในบ้านใกล้ที่เกิดเหตุ ประสานญาติช่วยเจรจามอบตัว เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายปกครองและตำรวจ นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามตัวพลทหารก่อเหตุรัวยิงปืนกลางดึก ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ผกก.สภ.กาบเชิง ลงพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมตำรวจและทหาร ก่อนเดินทางไปติดตามอาการผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล เบื้องต้นคนเจ็บให้การว่า นั่งดื่มสุรา 5-6 คน ก่อนจะแยกย้ายกันเหลือนั่งอยู่ 2 คน จากนั้นไม่นานพลทหารนายดังกล่าวก็ออกมายืนกราดยิงห่างประมาณ 50 เมตร วัยรุ่น 2 คนจึงรีบหมอบหลบได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ด้านนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุ ขณะนี้พบตัวทหารผู้ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างประสานไปยังครอบครัวให้เดินทางเข้าพื้นที่ช่วยเจรจามอบตัว -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน […]

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]