ก.พ.ร.มอบรางวัลเลิศรัฐ ชูองค์กรต้นแบบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

นนทบุรี 18 ก.ย. – สำนักงาน ก.พ.ร. จัดงานเสวนาวิชาการและพิธีมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2567 โดยมีผลงานที่โดดเด่นจากหน่วยงานภาครัฐที่ได้รับการยกย่องในฐานะหน่วยงานต้นแบบที่มีผลการทำงานที่เป็นเลิศ ซึ่งปีนี้กรมอนามัย สำนักงานอาหารและยา และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) คว้ารางวัลเกียรติยศเลิศรัฐไปครอง


สำนักงาน ก.พ.ร. การจัดงานเสวนาวิชาการและพิธีมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2567 ตามแนวคิด “Transforming Public Service for Sustainability: พลิกโฉมบริการภาครัฐ สู่ความยั่งยืน” ณ ห้องรอยัล อิมแพคเมืองทองธานี โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ภายในงานมีช่วงเสวนาวิชาการที่น่าสนใจ 2 หัวข้อ ประกอบด้วย หัวข้อแรก “พลิกโฉมกฎหมายอำนวยความสะดวก ยกระดับบริการ สร้างความโปร่งใสภาครัฐ” และหัวข้อที่สอง “คิดอย่างยั่งยืนกับองค์กรภาครัฐต้นแบบ” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน และช่วงพิธีมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2567 ซึ่งจะเป็นการมอบรางวัลให้กับหน่วยงานภาครัฐที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ในการพัฒนาบริการ การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม และการพัฒนาองค์กรอย่างโดดเด่น ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัลจะเป็นต้นแบบที่ดีให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาระบบงานของหน่วยงานให้ดียิ่งขึ้นและเกิดความยั่งยืนต่อไป

“รางวัลเลิศรัฐ” (Public Sector Excellence Awards : PSEA) ถือเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศที่มอบให้หน่วยงานที่ได้มุ่งมั่นปฏิบัติราชการจนประสบความสำเร็จมีความเป็นเลิศแห่งหน่วยงานรัฐทั้งปวง แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ รางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ รางวัลเลิศรัฐยอดเยี่ยม และรางวัลเลิศรัฐสาขา สำหรับในปี 2567 มีหน่วยงานที่ได้รับรางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้หน่วยงานที่เป็นต้นแบบสร้างคุณค่าจนประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน จำนวน 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมอนามัย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ส่วนรางวัลเลิศรัฐยอดเยี่ยม มอบให้แก่หน่วยงานที่ได้รับรางวัลดีเด่นทั้ง 3 สาขา คือ สาขาบริการภาครัฐ สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม และสาขาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ กรมธนารักษ์ สำหรับรางวัลเลิศรัฐสาขา จะมอบให้แก่หน่วยงานที่มีการพัฒนาโดดเด่นในแต่ละสาขา โดยในปีนี้มีหน่วยงานที่ได้รับรางวัลเลิศรัฐสาขาบริการภาครัฐ จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ กรมการแพทย์ โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี อย่างไรก็ตาม ในปีนี้มีการมอบรางวัลเกียรติยศ ซึ่งถือเป็นรางวัลพิเศษให้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับรางวัล United Nations Public Service Awards 2024 สาขา Innovation in Public Institutions ในผลงาน Academic Insight into Action for Pandemic Response


นอกจากนี้ได้มีการมอบรางวัลบริการภาครัฐ โดยมอบให้แก่หน่วยงานที่มีการพัฒนาประสิทธิภาพ การให้บริการประชาชนได้อย่างโดดเด่น รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ มอบให้แก่หน่วยงานที่มีการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการองค์การไปสู่ความเป็นเลิศ และรางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมมอบให้แก่หน่วยงานที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารราชการ

สำหรับผลงานได้รับรางวัลในปีนี้จะเห็นได้ว่ามีความโดดเด่นในหลายๆ ด้าน อาทิ
1.) การนำนวัตกรรมมาใช้ทำงานและยกระดับการให้บริการ รวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เช่น โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี กรมการแพทย์ ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พัฒนาและสร้างหุ่นยนต์ผสมยาเคมีบำบัดต้นแบบขึ้นเพื่อให้ประเทศไทยสามารถผลิตหุ่นผสมยาได้เองในราคาไม่แพง มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติงาน ทำให้ระยะเวลารอคอยในการให้ยาเคมีบำบัดน้อยกว่า 6 สัปดาห์ เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 80.44 เป็นร้อยละ 96.25จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำหุ่นยนต์ต้นแบบอัจฉริยะ มาช่วยรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ด้วยสารรังสีไอโอดีน แห่งแรกของไทยและของโลกเพิ่มความปลอดภัยทางรังสีแก่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยด้วยระยะเวลาที่สั้นและเร็วที่สุด ฯลฯ
2.) การขับเคลื่อนองค์การโดยใช้ข้อมูล ใช้ข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ในการพัฒนานโยบายและให้บริการกับประชาชน เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า บริหารจัดการข้อมูลนิติบุคคลขนาดใหญ่ ให้รองรับปริมาณการขอเอกสารทางทะเบียนที่มากกว่า ๑๐ ล้านคำขอต่อปี เพื่อบริการที่สะดวกรวดเร็ว ข้อมูลที่ทันสมัย พร้อมใช้และปลอดภัย รวมถึงกรมวิชาการเกษตร ที่ได้พัฒนาระบบข้อมูลให้เป็นดิจิทัล (Digitize Data) ทั้งข้อมูลที่ใช้ภายในหน่วยงานและข้อมูลที่จะเผยแพร่สู่หน่วยงานภายนอก/สาธารณะ เพื่อนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (Open Data) เช่น โครงการพัฒนาระบบการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก (Big Data Analytics) ด้านการเกษตรจากฐานข้อมูลที่สำคัญ
3.) การพัฒนาไปสู่องค์การดิจิทัล หน่วยงานได้ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีไปใช้
ในการยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการและการบริหารจัดการเพิ่มมากขึ้น เช่น กรมทรัพย์สินทางปัญญา พัฒนาการยื่นคําขอจดทะเบียนและต่ออายุการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแบบเร่งด่วน (Fast Track) รวมทั้งการชําระค่าธรรมเนียมการยื่นคําขอดังกล่าว สามารถยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e- Filing)
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พัฒนางานของ DBD “3 ปรับ 5 เปิด” ปรับข้อมูลเป็นดิจิทัลตั้งแต่ต้นทาง
ผ่านระบบจดทะเบียนธุรกิจออนไลน์ e-Registration และการเปิดภาครัฐ (Government Open Data)
ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลที่เข้าถึงและใช้ได้เสรี ไม่จำกัดแพลตฟอร์ม ไม่เสียค่าใช้จ่าย
4) การออกแบบการให้บริการเฉพาะบุคคล เช่น โรงพยาบาลปางมะผ้า โรงพยาบาลขนาด 30 เตียง อยู่ติดชายแดนไทย – พม่า ผู้รับบริการส่วนใหญ่เป็นชาติพันธุ์ ได้นำแนวคิด Smart Hospital ในพื้นที่ห่างไกล  มาพัฒนาการบริการสะดวก รวดเร็ว มีคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอปางมะผ้า โดยใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพด้วยการให้ความสำคัญผู้รับบริการ นำมาออกแบบระบบ การบริการหรือผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่เริ่มต้นจนส่งมอบในรูปแบบ End to end ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน
และสร้างความพึงพอใจ ผู้รับบริการ
5.) การพัฒนาไปสู่ภาครัฐระบบเปิด โดยมีรูปแบบจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อเน้นการจัดการและนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และเชื่อมโยงและเผยแพร่ข้อมูลผ่านอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า พัฒนาฐานข้อมูล oracle 12C และ Economic Index Dashboard
ที่ทำให้ข้อมูลมีความถูกต้อง แม่นยำ ครบถ้วน ในทุกมิติ รวมถึงกรมธนารักษ์ นำแนวคิดภาครัฐระบบเปิด
เพื่อนำมาสู่การแก้ไขปัญหาชุมชนในการโต้แย้งกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุ  
 การมอบรางวัลเลิศรัฐให้แก่หน่วยงานภาครัฐ นับเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการพัฒนาระบบราชการ
ที่สะท้อนความสำเร็จในการพัฒนาการให้บริการและการพัฒนาองค์การของภาครัฐ เพื่อไปสู่ความเป็นเลิศ
ในการปฏิบัติราชการ ที่สามารถปรับเปลี่ยนแนวคิดและวิธีการ เพื่อนำไปสู่การพลิกโฉมการบริการที่มีมาตรฐาน และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างยั่งยืน.-513-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย