จับเครือข่ายโกงประกันโควิด เสียหายกว่า 53 ล้าน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ คปภ. จับเครือข่ายโกงเงินประกันโควิด ผู้ต้องหารวม 14 ราย มีทั้งปลอมเอกสารผลตรวจโควิดยื่นเคลมค่าสินไหม และตัวแทนประกันเก็บเบี้ยประกันของลูกค้าไว้ไม่นำส่งบริษัท รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 53 ล้านบาท


เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมนายชัยยุทธ มังศรี รองเลขาธิการด้านกฎหมายคดีและการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) แถลงจับกุมผู้ต้องหาคดีฉ้อฉลประกันภัยรวม 14 ราย

พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า หลังเจ้าหน้าที่ คปภ.มีการประสานข้อมูลกับสอบสวนกลาง ในการจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกิดในช่วงการระบาดของโควิด-19 เมื่อปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีการกระทำผิดแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก มีมิจฉาชีพไปชักจูงคนที่มีประกันโควิดว่าสามารถช่วยดำเนินการทำเอกสารตรวจโควิดปลอม ให้ผู้เอาประกันที่ไม่ติดโควิดไปยื่นรับเงินค่าสินไหมจากการติดโควิด เช่น เมื่อผู้เอาประกันได้รับค่าสินไหมทดแทน 50,000 บาท กลุ่มมิจฉาชีพจะขอส่วนแบ่งเป็นเงิน 30,000 บาท ส่วนอีกกลุ่ม เป็นตัวแทนนายหน้าประกัน หลอกลวงเก็บเบี้ยประกันสุขภาพไว้ไม่นำส่งบริษัท โดยผู้ที่เอาประกันไม่ทราบเรื่อง ทำให้ผู้เอาประกันไม่ได้รับการคุ้มครองตามกรมธรรม์


หลังรับแจ้งตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้กระทำผิดกลุ่มแรกรวม 18 ราย จับกุมได้แล้ว 11 ราย ดำเนินคดีฐานปลอมและใช้เอกสารปลอมเรียกร้องผลประโยชน์ตามกรมธรรม์โดยทุจริต ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 และประมวลกฎหมายอาญา ส่วนกลุ่มนายหน้า ออกหมายจับ 3 ราย จับกุมได้แล้ว มีผู้เสียหายกว่า 10 ราย รวมมูลค่ากว่า 53 ล้านบาท ดำเนินคดีฐานทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการชักชวนชี้ช่องหรือจัดการให้ผู้อื่นนั้นทำหรือรักษาสถานะสัญญาประกันชีวิตกับบริษัท แต่ไม่ดำเนินการให้มีการทำสัญญาเกิดขึ้น

พร้อมเตือนการนำเอกสารปลอมหรือเอกสารอันเป็นเท็จไปเบิกจ่ายค่าสินใหม่ทดแทนโดยทุจริต นอกจากจะเป็นความผิดอาญาแล้ว ยังทำให้ผู้เจ็บป่วยโควิดจริงเสียประโยชน์จากความล่าช้าในการเบิกจ่ายค่าสินใหม่ทดแทน รัฐต้องเสียหายจากการนำเงินงบประมาณแผ่นดินมาช่วยสนับสนุนบริษัทประกันที่ต้องสูญเสียรายได้ไปจากการกระทำของกลุ่มคนดังกล่าวด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

งด ครม.

งด ครม. ทำเนียบวันนี้ เตรียมสัญจรครั้งแรก “เชียงใหม่-เชียงราย” วันศุกร์

งด ครม. ทำเนียบวันนี้ เตรียมสัญจรครั้งแรก “เชียงใหม่-เชียงราย” ศุกร์นี้ นายกฯ ตั้งเป้าปีหน้าน้ำท่วมภาคเหนือต้องไม่เกิดอีก ด้าน ศปช. เตรียมเสนอแผนแก้อย่างเป็นระบบใน ครม.สัญจร ศุกร์นี้

วิเคราะห์การเมืองสนามใหญ่ หลังศึกเลือกตั้งนายก อบจ.

วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 4 สนามใหญ่ โดยเฉพาะอุดรธานี ที่สะท้อนถึงความนิยมในตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี