กาญจนบุรี 4 ส.ค.-นายกฯ ติดตามโครงการน้ำบ้านห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ขอท้องถิ่นกระจายน้ำบาดาลอย่างทั่วถึงเป็นธรรม เห็นใจประชาชน ย้ำรัฐดูแลเต็มที่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่ตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ที่โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านทุ่งคูณ หมู่ที่ 19 ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา พร้อมรับฟังความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา รวมถึงขั้นตอนการกระจายน้ำไปยังพื้นที่ต่างๆ
นายกรัฐมนตรี กล่าวยินดีกับประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี ที่ประสบความสำเร็จในการหาแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่ ถือเป็นแหล่งน้ำที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับต่างประเทศ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธาน สืบสาน รักษา ต่อยอด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง 15 โครงการ ครอบคลุม 11 จังหวัด ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรจากภาวะวิกฤตภัยแล้ง ซึ่งพื้นที่ห้วยกระเจา เป็น 2 ใน 15 โครงการดังกล่าว
นายกรัฐมนตรี ฝากให้ท้องถิ่นช่วยกระจายน้ำบาดาลอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ส่วนในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ให้ประชาชนเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ให้เตรียมแผนและเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เพื่อลดการสูญเสียที่เกิดขึ้น ส่วนข้าราชการต้องใส่เกียร์ทำงาน จะปล่อยเกียร์ว่างไม่ได้ ส่วนปัญหาที่ชาวบ้านร้องเรียนเรื่องของน้ำมันแพง ขอชี้แจงแบบไม่แก้ตัวและไม่ปกปิดข้อมูลว่า ที่ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 35 บาท/ลิตร ถือว่าทำไปมากแล้ว อย่าไปเปรียบเทียบกับประเทศเมียนมา มาเลเซีย ที่มีแหล่งพลังงานของตนเอง หากไม่ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ ก็จะเกิน 40 บาท/ลิตร และสถานการณ์จะไม่หนักไปกว่านี้อีกหรือ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ไม่ปกติ ยังเกิดการสู้รบอยู่ ผู้ค้าน้ำมันมีอยู่ 2-3 กลุ่ม แต่ละกลุ่มยังไม่ลดราคาลง ดังนั้น รัฐบาลจึงพยายามตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้มากที่สุด เพื่อลดผลกระทบกับต้นทุนสินค้า ยอมรับต้องหาเงินเพิ่มเพื่อเข้ามาชดเชยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท นับว่ายังดีที่ยังมีรายได้จากการเปิดประเทศท่องเที่ยว พร้อมย้ำเห็นใจประชาชนมากที่สุด ส่วนเรื่องปัญหาสินค้าราคาแพงนั้น เห็นใจประชาชน แต่ไม่สามารถบีบบังคับผู้ประกอบการได้ เพราะต้องมอง 2 ทาง
“ขอพูดแบบเปิดอกว่า ไม่เคยตามใจผู้ประกอบการ มีคณะกรรมการกำกับดูแลให้เป็นธรรม เพราะหากบีบบังคับไปมาก อาจส่งผลกระทบผู้ใช้แรงงานเป็นลูกโซ่ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานสถานการณ์จะดีขึ้น ขอทุกฝ่ายอดทน นายกฯ ก็อดทน ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย กินอยู่ธรรมดา ไม่เที่ยวเตร่ ไม่ได้บ่น แค่เล่าให้ฟัง บ่นมากเดี๋ยวคนไล่ออก เพียงต้องการบอกว่า การเป็นนายกฯ ไม่สบายนักหรอก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้แวะทักทายถ่ายรูปกับประชาชนที่มาให้กำลังใจ.-สำนักข่าวไทย