กรุงเทพฯ 20 ก.ค.-พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. แถลงผลการจับกุม นายประภากร อายุ 42 ปี อาชีพช่างสัก พร้อมของกลาง สร้อยข้อมือทองคำ 6 เส้น น้ำหนัก 6 บาท และเงินสด 12,550 บาท หลังจากก่อเหตุบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ร้านทองในห้างโลตัส ย่านพัฒนาการ ได้สร้อยข้อมือและสร้อยคอทองคำ รวม 33 เส้น น้ำหนัก 45 บาท มูลค่า 1.5 ล้านบาท ก่อนหลบหนีไป
โดยก่อนก่อเหตุ นายประภากร ได้นั่งรถแท็กซี่ออกจากร้านสักของตนเองที่ย่านลาดพร้าว วังหิน จากนั้นได้ไปเอารถจักรยานยนต์ที่ซอยลาดพร้าว 101 และขี่รถวนอยู่ภายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อดูลาดเลาตามห้างต่าง ๆ ที่จะก่อเหตุ จนกระทั่งมาถึงบริเวณร้านทองที่เกิดเหตุ นายประภากร ได้สวมใส่หมวกแก๊บ และใส่หน้ากากอนามัย เพื่อปิดบังใบหน้า ก่อนใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงานภายในร้านให้หยิบทองให้ เมื่อได้ทรัพย์สิน จึงหลบหนีไปที่ซอยพัฒนาการ 51 ก่อนทิ้งรถจักรยานยนต์ และเสื้อผ้า
นายประภากร ยังให้การอีกว่า หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปตามจังหวัดต่างๆ โดยระหว่างที่หลบหนีได้นำทองที่ได้ ไปขายร้านทองหลายร้านภายใน อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และขายที่บ่อนกาสิโนในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำเงินมาใช้หนี้นอกระบบ และเล่นการพนัน ก่อนไปถูกจับกุมได้ที่หน้าแมนชั่นแห่งหนึ่ง ในจังหวัดอุบลราชธานี
จากการตรวจสอบพบว่า นายประภากร มีอาชีพเปิดร้านสัก และก่อนหน้านี้เคยเปิดสถานบันเทิงในย่านลาดพร้าววังหิน แต่ถูกจับกุมเพราะฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ลักลอบเปิดให้บริการในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงถูกสั่งปิด ทำให้เกิดปัญหาด้านการเงิน จึงไปกู้เงินนอกระบบ และเล่นพนันออนไลน์ เพื่อหาเงินมาใช้จ่าย แต่กลายเป็นว่ายิ่งทำให้เพิ่มหนี้สินมากขึ้นเหมือนดินพอกหางหมู จึงวางแผนก่อเหตุดังกล่าวโดยใช้ปืนบีบีกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยเล่าให้กลุ่มเพื่อนฟังว่าหากจะก่อเหตุโจรกรรมสักครั้งต้องวางแผนก่อเหตุมา 100 ครั้ง แต่ก็ต้องวางแผนหลบหนีอีก 105 ครั้ง วางแผนคิดแล้วคิดอีกก่อนที่จะก่อเหตุ อีกทั้งชื่นชอบดูภาพยนตร์แนวโจรกรรม จึงศึกษาแล้วนำมาเลียนแบบในการลงมือก่อเหตุครั้งนี้ เพื่อความรัดกุม แต่สุดท้ายก็ไม่รอดมือตำรวจ ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามทองของกลางกลับมาคืนให้ผู้เสียหาย
ตำรวจจึงดำเนินคดีข้อหา “ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อพ้นการจับกุมและพาอาวุธเข้าไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ดำเนินคดีต่อไป. -สำนักข่าวไทย