รัฐสภา 6 ก.ค.-“มงคลกิตติ์” อัด “นายกฯ-ดอน” ไม่ได้เป็นโฆษก หรือ รมต.ต่างประเทศเมียนมา เรียกร้องให้ออกแถลงการณ์ขอโทษปมเครื่องบินรบ MIG29 รุกน่านฟ้าไทย พร้อมยกกฎหมายอาญาชี้ให้เห็นความผิด
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะกรรมาธิการการทหาร กล่าวถึงกรณีที่ได้เสนอให้กรรมาธิการฯ เรียกสอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีที่เครื่องบินรบ MIG29 ของเมียนมาบินล้ำเข้ามาน่านฟ้าไทยว่า เบื้องต้นคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ได้เชิญผู้บัญชาการทหารอากาศ เข้าชี้แจงในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.) และทางอนุกรรมาธิการเสริมสร้างศัพยภาพกองทัพได้เชิญผู้บัญชาการทหารบกและแม่ทัพภาค 3 เข้าชี้แจง จึงอยากฝากไปยังหน่วยงานที่ถูกเชิญว่าควรเข้ามาชี้แจง เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และจากการที่ตนได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุบริเวณชายแดนริมแม่น้ำเมย ได้ทราบถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งกับชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่
นายมงคลกิตติ์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเมียนมาได้กล่าวขอโทษผ่านมาทางนายกรัฐมนตรี และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีอละรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นโฆษกประจำตัว พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย และนายดอนก็ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเมียนมา จึงไม่สมควรที่จะมาพูดแทน แต่ควรให้รัฐบาลทหารเมียนมาออกแถลงการณ์ หรือแถลงเป็นทางการขอโทษประชาชนคนไทย
นายมงคลกิตติ์ ยังได้ยกข้อกฎหมายเกี่ยวกับความผิดจากกรณีที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า จากการกระทำดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา หมวดที่ 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราขอาณาจักร มาตรา 119 กำหนดว่า “ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสีย ต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุก” และมาตรา 120 กำหนดว่า ผู้ใดคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศ ด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐ หรือในทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
“ดังนั้นต้องเข้าใจว่า MIG29 อาศัยน่านฟ้าไทยในการยิงกับชนชาติกะเหรี่ยง และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นลูกเด็กเล็กแดง ถือว่าเป็นอาชญากรทางสงคราม เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ไทยควรแสดงบทบาทวางตัวเป็นกลาง” นายมงคลกิตติ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย