ทำเนียบรัฐบาล 10 พ.ค.-นายกฯ เตรียมร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ 12 – 13 พ.ค. กรุงวอชิงตัน พร้อมความร่วมมือประชาคมโลกอย่างรอบด้าน ขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าพรุ่งนี้ (10 พ.ค.) จะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 13 พฤษภาคม ที่กรุงวอชิงตัน โดยมีหลายวาระการหารือร่วมกับผู้นำอาเซียนทั้งหมด และจะแถลงวิสัยทัศน์ร่วมเรื่องโควิด-19 เรื่องการตั้งกองทุนอาเซียน การทำวิจัย การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การร่วมมือด้านการค้าการลงทุนความร่วมมือทางทะเล ความมั่นคง การพัฒนาทักษะดิจิทัล การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เทคโนโลยีชีวภาพและการเกษตรอัจฉริยะ การพัฒนาพลังงานสะอาด และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของภูมิภาคอาเซียน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะดำเนินการในด้านความร่วมมือกับประชาคมโลกอีกหลายด้าน ทั้งการประชุม ผู้นำความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล หรือ BIMSTEC (บิมสเทค) เป็นกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดของโลกในด้านจำนวนประชากรและเศรษฐกิจ ซึ่งไทยมีความยินดีที่จะได้รับมอบตำแหน่งประธานบิมสเทค ต่อจากศรีลังกาในวาระ 2565-2566 นอกจากนี้ จะมีโครงการความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ เป็นโครงการต่อเนื่อง เช่น โครงการกลไกเครดิตร่วม JCM ภายใต้ความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับญี่ปุ่น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการผลิตพลังงานหมุนเวียน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน มูลค่ามากกว่า 2,300 ล้านบาท เพื่อที่จะสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 2 แสนตัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปกประจำปี 2565 ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะแสดงศักยภาพการค้าการลงทุนของเราให้ประเทศสมาชิก ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และรัสเซีย โดยประเด็นที่จะหารือคือ การฟื้นฟูการท่องเที่ยว การพัฒนาเศรษฐกิจBCG การพัฒนาและบริการโลจิสติกส์ร่วมกัน ซึ่งไทยถือเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ของโลก และป็นหนึ่งในศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาค และพัฒนาระบบที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์จากสมาชิกอาเซียนได้ครบทุกประเทศ ที่จะช่วยส่งเสริมตอกย้ำความเป็นหนึ่งในโลจิสติกส์ของเรา และเพิ่มความมั่นใจการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ล่าสุดสั่งการให้เร่งรัดการเสริมความพร้อมด้านต่าง ๆ สำหรับเส้นทางสายจีนและสปป.ลาว เพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจด้วย.-สำนักข่าวไทย