กรุงเทพฯ 2 พ.ค. –บมจ.ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ (2-6พ.ค.) มีแนวโน้มทรงตัว หลังความต้องการใช้น้ำมันจีนถูกกดดันจากมาตรการล็อกดาวน์ ส่วนอุปทานน้ำมันดิบรัสเซียมีแนวโน้มลดลง จากมาตรการคว่ำบาตร
บมจ.ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 100-110 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 104-114 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ คาดมีแนวโน้มทรงตัว ได้รับแรงกดดันจากการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ต่อเนื่องที่เมืองเซี่ยงไฮ้ และการปิดบางพื้นที่ในกรุงปักกิ่ง เพื่อให้ประชาชนเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด อย่างไรก็ตามยังมีแรงหนุนจากปริมาณการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติรัสเซีย ที่มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ทำให้ผู้ซื้อหลีกเลี่ยง เพราะกังวลผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ตลาดจับตานโยบายการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัสในการประชุมวันที่ 5 พ.ค. โดยตลาดคาดว่าทางกลุ่มโอเปกพลัสจะยังคงการเพิ่มกำลังการผลิตตามแผนเดิม ในเดือน มิ.ย. ตามแผน ที่ระดับ 432,000 บาร์เรลต่อวัน
ทั้งนี้กระทรวงเศรษฐกิจรัสเซีย (Economy Ministry) คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของรัสเซียในปี 65 มีแนวโน้มปรับลดลงราว 17% แตะระดับ 433.8 – 475.3 ล้านตันต่อปี (8.7 – 9.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน) เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ที่ 524 ล้านตัน หลังหลายชาติบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ทำให้ผู้ซื้อหลายรายหลีกเลี่ยงการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เนื่องจากกังวลผลกระทบ โดยปริมาณการผลิตน้ำมันรัสเซียเริ่มลดลงในเดือน มี.ค. 65 และลดลงกว่า 7.5% ในช่วงกลางเดือน เม.ย. 65 ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบรัสเซียมีแนวโน้มลดลง หลัง Exxon Mobil ประกาศ Force majeure ที่โครงการ Sakhalin-1 เพราะประสบปัญหาในการหาเรือบรรทุกน้ำมันและประกันภัยเรือ เนื่องจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย โดยโครงการ Sakhalin-1 ส่งออกน้ำมันราว 273,000 บาร์เรลต่อวัน ไปยังเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เป็นต้น
ส่วนปริมาณการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลัง Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2 แท่น แตะระดับ 695 แท่น ณ สัปดาห์สิ้นสุด 22 เม.ย. นับเป็นการเพิ่มขึ้น 5 สัปดาห์ต่อเนื่อง สอดคล้องกับกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ที่คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 1.0 – 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อชดเชยปริมาณน้ำมันดิบรัสเซียที่อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯที่จะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งตลาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยราว 0.5%
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (25 – 29 เม.ย. 65) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 6.15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 104.69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับเพิ่มขึ้น 7.02 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 109.34 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 105.29 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล .-สำนักข่าวไทย