สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน 26 ธ.ค.- นายกสมาคมธุรกิจสร้างบ้านร้องผู้ตรวจการฯ หลัง สคบ.ออกประกาศเป็นธุรกิจควบคุมสัญญา ชี้ไม่สอดคล้องการบริการครบวงจร ย้อนยุคกลับไปสร้างปัญหาให้กับผู้บริโภค
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายพิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีผลกระทบจากการที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการรับจ้างก่อสร้างอาคารเพื่อการอยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2559 โดยมีนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นผู้รับเรื่อง
นายพิชิต กล่าวว่า การออกประกาศดังกล่าวไม่ตรงตามข้อเท็จจริง และไม่เข้าใจพื้นฐานการดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้าน เป็นการจำกัดโอกาสของผู้บริโภคในการได้รับบริการที่ดี มีคุณภาพ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากประกาศดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อขั้นตอนและรูปแบบในการดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านที่มีมากว่า 50 ปี จะส่งผลให้ธุรกิจรับสร้างบ้านในประเทศไทยไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ทำให้ผู้บริโภคสูญเสียโอกาส ขัดต่อการพัฒนาธุรกิจและการยกระดับอุตสาหกรรมให้มีมูลค่าเพิ่ม และสามารถแข่งขันเทียบเท่าระดับสากล
ร่างที่ประกาศใช้ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในการดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้าน ซึ่งผู้บริโภคต้องการรับบริการแบบครบวงจร ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อน ผู้บริโภคอาจได้รับผลกระทบจากความไม่สะดวก และเสียเวลาในการประสานงานหลายฝ่าย และมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น อันเนื่องมาจากการแยกส่วนบริการต่าง ๆ รวมทั้งผู้บริโภคอาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินการหลายสัญญาในการแยกส่วนบริการ อันนำไปสู่ปัญหาข้อขัดแย้งในประเด็นอื่น ๆ ที่มากขึ้น จึงอยากให้ สคบ.ยกเลิกประกาศดังกล่าว
ด้าน นายรักษเกชา กล่าวภายหลังรับเรื่องว่า จะเร่งดำเนินการ เนื่องจากประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการรับจ้างก่อสร้างอาคารเพื่อการอยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2559 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2560 ซึ่งระยะเวลาที่เหลือเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ประกอบกับทางกลุ่มสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้ยื่นเรื่องดังกล่าวต่อศาลปกครอง ซึ่งต้องดูว่าศาลได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้วหรือยัง หากศาลรับคำฟ้องไว้แล้ว ทางผู้ตรวจการฯ ก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ แต่ในขณะเดียวกันทางผู้ตรวจการฯ อาจทำได้เพียงประสาน สคบ. พูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน.-สำนักข่าวไทย