ทำเนียบรัฐบาล 28 มี.ค.-นายกฯ หารือรองเลขาฯ ยูเอ็น ย้ำไทยส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การมีส่วนร่วม บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
นางอามีนา เจ โมฮัมเหม็ด (Ms. Amina J. Mohammed) รองเลขาธิการสหประชาชาติ(ยูเอ็น) เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุม Asia-Pacific Forum on Sustainable Development ครั้งที่ 9
นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมรองเลขาธิการฯ ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาของสหประชาชาติท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ไทยพร้อมสนับสนุนการทำงานอย่างเต็มที่ เชื่อมั่นว่า สหประชาชาติจะสนับสนุนประเทศต่างๆ ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ในฐานะที่ไทยเป็นเจ้าภาพเอเปคในปีนี้ ไทยมุ่งส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุมด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งสอดคล้องและส่งเสริมกับการพัฒนาที่ยั่งยืนและSDGs
ด้านรองเลขาธิการฯ กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาค และสนับสนุนการดำเนินงานของสหประชาชาติมาอย่างต่อเนื่อง สหประชาชาติมุ่งแสวงหาความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับไทย เพื่อเชื่อมโยงความร่วมมือระดับภูมิภาคไปสู่การแก้ไขปัญหาในประเด็นท้าทายระดับโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับมือกับโรคระบาด พร้อมกล่าวชื่นชมบทบาทผู้นำของนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานสาธารณสุขของไทยในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและรองเลขาธิการฯ เห็นพ้องว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความขัดแย้งของประเทศต่าง ๆ เป็นความท้าทายสำคัญต่อการบรรลุ SDGs ภายในปี ค.ศ. 2030 โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการด้านเยาวชนและด้านเอกชน ภายใต้คณะกรรมการด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อรับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ และไทยยังจัดทำรายงาน Voluntary National Review (VNR) เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามความคืบหน้าในการขับเคลื่อน SDGs ของไทย รวมทั้งไทยได้นำปัญหาและอุปสรรคมาเป็นบทเรียนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และคนรุ่นใหม่ ให้มีฐานรากที่มั่นคง ร่วมกันขับเคลื่อนประเทศ
รองเลขาธิการฯ ชื่นชมที่ไทยรับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการเข้ามามีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่และภาคประชาสังคม มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ สำหรับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นายกรัฐมนตรีตระหนักถึงความสำคัญเร่งด่วน โดยไทยร่วมมือกับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเป็นประเทศกลุ่มแรกๆ ที่เข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงปารีส และจัดส่งแผนงานการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contributions: NDCs) ตามกรอบเวลา นอกจากนี้ ไทยตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 และเชื่อว่าไทยจะสามารถยกระดับ NDC ของไทยขึ้นเป็นร้อยละ 40 ได้.-สำนักข่าวไทย