สำนักงาน ป.ป.ช. 8 มี.ค.-“ปดิพัทธ์” ยื่น ป.ป.ช. สอบนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ปกปิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โรคระบาดอหิวาต์หมู พร้อมประกาศลาออกจาก กมธ.แก้ปัญหาหมูแพง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 มี.ค.)นายปดิพัทธ์ สินติภาดา ส.ส.พรรคก้าวไกล เดินหน้า”ยุทธการโรยเกลือ” ด้วยการเดินทางไปยื่นหนังสือ ป.ป.ช. ผ่านนายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผู้อำนายการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ป.ป.ช. ให้ไต่สวนและตรวจสอบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ และอธิบดีกรมปศุสตว์ กรณีปล่อยให้ราคาหมูแพง จากการปกปิดการแพร่ระบาดโรคอหิวาต์หมู เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ สืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152
นายปดิพัทธ์ ระบุว่าจากข้อมูลที่ได้รับจากเอกชน พบว่ากรมปศุสัตว์รับทราบเรื่องการเกิดโรคระบาดอหิวาต์หมูทั้งวาจาและเอกสารมาโดยตลอด ซึ่งทุกประเทศเมื่อพบการแพร่ระบาดก็สามารถยับยั้งได้โดยเร็ว ตั้งอยู่บริเวณชายแดน แต่ประเทศไทยกลับละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดการแพร่ระบาดเข้ามาถึงใจกลางเมือง คือที่จังหวัดนครปฐม และราชบุรี สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินประชาชน เกิดการกินรวบ ผูกขาด ทำให้หมูราคาแพง จึงย้ำว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ในการสอบสวน
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า หากกรมปศุสัตว์ ยังปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดโรคในสัตว์ ไม่ว่ากาฬโรคม้า ลัมปีสกิน อหิวาต์หมู พร้อมเปิดเผยการแพร่ระบายของไข้หวัดนก ที่ขณะนี้ 30 ประเทศประกาศพบแล้ว พร้อมกันนี้ยืนยันว่าประเทศไทยพบการแพร่ะบาดแล้ว แต่ยังไม่ติดคน และอาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกเนื้อไก่ แต่ห่วงเรื่องโรคระบาดสัตว์ที่จะติดในคนมากกว่า ทั้งนี้หากมีข้อมูลหลักฐานใหม่เพิ่มเติม ส.ส.ก้าวไกล พร้อมที่จะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี โดยเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีข้อมูลและพยานหลักฐานเพิ่มเติม นายปดิพัทธ์ ยังได้ประกาศลาออกจากการเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาปัญหาการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและศึกษาแนวทางช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น เพราะอยู่ไปคงไม่มีประโยชน์ เพราะไม่สามารถค้นหาความจริงที่อยากรู้ได้ และไม่สามารถเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงได้ มีการอ้างเรื่องปัญหาโควิด-19 ทั้งที่สามารถประชุมผ่านซูมได้ จึงไม่จำเป็นที่อยู่ใน กมธ.ต่อไป.สำนักข่าวไทย