กรุงเทพฯ 28 ก.พ. – สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำระบุ ปัจจัยที่ทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคใต้มีอิทธิพลลดลงแล้ว แต่ยังเป็นห่วงสถานการณ์น้ำหลาก-น้ำท่วม เนื่องจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่นราธิวาส ปริมาณน้ำฝนสะสม 2 วัน มากถึง 350 มิลลิเมตร ล่าสุดอธิบดีกรมชลประทานบินด่วนลงใต้เพื่อบัญชาการคลี่คลายสถานการณ์น้ำท่วม
ดร. สุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคใต้สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนอิทธิพลลงแล้ว ทั้งหย่อมความกดอากาศต่ำในประเทศมาเลเซียและบริเวณความกดอากาศสูงจากจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย
สำหรับผลคาดการณ์ฝนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. – 1 มี.ค. บริเวณความกดอากาศสูงที่แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังส่งผลบริเวณตอนบนของประเทศมีอากาศเย็นในตอนเช้าและหย่อมความกดอากาศต่ำมีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปบริเวณเหนือกาะสุมาตราและลงสู่มหาสมุทรอินเดียต่อไป ส่วนลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง ส่งผลให้ภาคใต้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา จากนั้นลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณภาคใต้และอ่าวไทยจะเริ่มมีกำลังอ่อนลง ส่งผลให้ภาคใต้มีฝนลดลง
ส่วนผลคาดการณ์ช่วงวันที่ 3 – 6 มี.ค. บริเวณความกดอากาศสูงที่แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ส่งผลให้บริเวณตอนบนของประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้น ส่วนลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ส่งผลให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่อาจมีฝนตกหนักได้บางบริเวณของภาคใต้ตอนล่าง
สำหรับคาดการณ์คลื่นช่วงวันที่ 28 ก.พ. – 2 มี.ค. ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง ส่งผลให้คลื่นลมในทะเลฝั่งอ่าวไทยจะมีคลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตรและทะเลฝั่งอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 1 – 2 เมตร
ดร. สุทัศน์กล่าวต่อว่า แม้ปริมาณฝนในภาคใต้ลดลงแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำทั้งน้ำหลากและน้ำท่วมเนื่องจากเนื่องจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่จังหวัดนราธิวาสปริมาณน้ำฝนสะสม 2 วันมากถึง 350 มิลลิเมตรจึงส่งผลให้มีน้ำท่วมหลายพื้นที่
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า เดินทางมายังจังหวัดนราธิวาสตั้งแต่เช้าวันนี้ (28 ก.พ.) เพื่อสั่งการการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 จังหวัดชายแดนได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ห่วงใยและสั่งการให้บูรณาการกับทุกภาคส่วนช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม
ขณะนี้สำนักงานชลประทานที่ 17 กำลังเร่งเสริมกระสอบทรายบิ๊กแบ็ค (Big Bag) บริเวณพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำโก-ลก และคันปตร.มูโนะ รวมทั้งบริหารจัดการน้ำที่ ปตร.มูโนะเพื่อควบคุมไม่ให้น้ำไหลเข้าคลองเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจากปริมาณฝนที่ตกหนัก ทำให้มีน้ำหลากจากแม่น้ำโก-ลกสู่คลองมูโนะ แล้วล้นข้ามพนังกั้นน้ำประมาณ 30 ซม. เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนมูโนะมากกว่า 500 ครัวเรือน และเข้าท่วมถนนหมายเลย 42 ทำให้ต้องปิดการจราจรช่องทางขาออกจังหวัดนราธิวาส
นอกจากนี้กรมชลประทานได้ควบคุมระบายน้ำผ่านอาคารชลประทาน และตามการขึ้นลงของระดับน้ำทะเล เพื่อเร่งระบายน้ำที่ท่วมขัง พร้อมทั้งเดินเครื่องสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าสูบพร่องน้ำในพื้นจำนวน 4 พื้นที่ เพื่อเร่งพร่องระบายน้ำ ได้แก่ สถานีสูบน้ำบ้านนาคออีบู (ใหม่) สถานีสูบน้ำ
บ้านปะลุกา-โคกยาง สถานีสูบน้ำบ้านสันติสุข สถานีสูบน้ำบ้านตาเซ๊ะ พร้อมทั้งได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งสูบระบายน้ำทาสถานีสูบน้ำโคกสะตอ หมู่ 7 บ้านปิเหล็ง ตำบลสุไหงปาดี อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส และดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ เพื่อเร่งระบายน้ำช่วยเหลือพื้นที่อำเภอเมืองนราธิวาส บริเวณท่อระบายน้ำแห่งที่ 3 บ้านยะกัง อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาสแล้ว.-สำนักข่าวไทย