กรุงเทพฯ 22 ก.พ. – “บิ๊กแอร์เอเชีย” หารือ ก.คมนาคม วอนรัฐบาลไทยเร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาค ASEAN หลังได้รับผลกระทบจากโควิด พร้อมขอให้รัฐเร่งมาตรการช่วยเหลือ ลดข้อบังคับต่างๆ จากมาตรการ Test and Go และ Thailand Pass หลังแบกรับภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายหลังแอ่น ด้าน “อนุทิน-ศักดิ์สยาม” รับฟังหาทางช่วยแถมโปรยยาหอมชวนแอร์เอเชียบินตรงมาเลเซียมาเบตง หวังกระตุ้นเศรษฐกิน 3 จังหวัดชายแดนใต้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมเตรียมการเปิดการบินในประเทศว่า ในการประชุมครั้งนี้ได้มี นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแคปปิตอล เอ (กลุ่ม แอร์ เอเชีย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าหารือร่วมกันเพื่อรับทราบปัญหาที่สายการบินประสบอยู่ ซึ่งทางรัฐบาลไทยยินดีรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนทั้งสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสายการบินเพื่อวางแผนในการฟื้นฟูธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทย ให้กลับมาเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอีกครั้ง ซึ่งรัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงกฎระเบียบแนวทางด้านมาตรการสาธารณสุขและการเดินทางระหว่างประเทศให้มีความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายในภาพรวมของนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยยังคงความปลอดภัยแก่คนไทยตามมาตรการทางสาธารณสุข
ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมยินดีที่จะช่วยสนับสนุน เพื่อให้การเดินทางระหว่างประเทศมีความสะดวกมากขึ้นและพร้อมสนับสนุนการเปิดเส้นทางการบินใหม่อันจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และมีความยินดีที่จะเปิดรับทุกสายการบินที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการลงทุนเพื่อพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทางอากาศของอาเซียนเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศให้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป
นอกจากนั้นกระทรวงคมนาคมยังเชิญชวนให้ แอร์เอเชีย ลงทุนในเครื่องบิน ATR เพื่อเปิดธุรกิจเส้นทางการบินเชื่อมเมืองท่องเที่ยวและเมืองสำคัญต่าง ๆ ในมาเลเซีย กับ ท่าอากาศยานเบตง เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเชื่อมโยงการเดินทางไปยังภูมิภาคอื่นของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ตามนอกจากการพบกับผู้บริหารสายการบินแอร์เอเซียแล้ว เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 65 ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมยังได้พบกับผู้บริหาร บริษัท ไทย เวียตเจ็ท แอร์ จอยท์ สต๊อก จำกัด เพื่อหารือเกี่ยวกับการพัฒนาเส้นทางการบินเส้นทางใหม่ ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ด้วยเช่นกัน
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า จากการรวบรวบข้อมูลของสำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) พบว่า ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 64 ถึงเดือนมกราคม 65 เส้นทางการบินภายในประเทศที่มีผู้โดยสารใช้บริการสูงสุด อันดับ 1 คือ กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ จำนวน 923,714 คน อันดับ 2 คือ กรุงเทพฯ – ภูเก็ต จำนวน 695,557 คน และอันดับ 3 คือ กรุงเทพฯ – หาดใหญ่ จำนวน 474,152 คน ส่วนเส้นทางการบินระหว่างประเทศที่มีผู้โดยสารใช้บริการสูงสุด อันดับ 1 คือ กรุงเทพฯ – ดูไบ 76,671 คน อันดับ 2 คือ กรุงเทพฯ – สิงคโปร์ จำนวน 74,446 คน และอันดับ 3 คือ กรุงเทพฯ – โดฮา จำนวน 72,008 คน จำนวน นอกจากนั้นยังได้มีการประมาณสถานการณ์ แนวโน้มการฟื้นตัวของผู้โดยสารระหว่างประเทศไว้ 3 กรณี ประกอบด้วย กรณีดีที่สุด (Best Case) กรณีฐาน (Base Case) และกรณีเลวร้ายที่สุด (Worst Case) เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินการตาม มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดฯ ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ
ด้านนายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแคปปิตอล เอ (กลุ่ม แอร์ เอเชีย) กล่าวว่า แอร์เอเชีย มีความตั้งใจที่จะช่วยสนับสนุนและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาค ASEAN จากสถานการณ์ COVID-19 อีกครั้ง ซึ่งสายการบินต้องการผลักดันการลดข้อบังคับต่าง ๆ จากมาตรการ Test and Go และ Thailand Pass ซึ่งขณะนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในภาพรวมที่ค่อนข้างสูงและเป็นภาระของนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ตัดสินใจเดินทางระหว่างประเทศ
โดย แอร์เอเชีย ยกถึงกรณีตัวอย่างในประเทศฟิลิปปินส์ที่ลดความยุ่งยากในการตรวจสอบมาตรการด้านสาธารณสุขลง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางลดลงและนักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางไปท่องเที่ยวฟิลิปปินส์มากขึ้น รวมถึงแอร์เอเชียแสดงความจำนงที่จะเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางใหม่ ๆ ในรูปแบบ Direct Flight กับต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในส่วนภูมิภาคและช่วยประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเห็นถึงความสวยงามในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีแผนที่พัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางอากาศของภูมิภาคอาเซียน.-สำนักข่าวไทย