ทำเนียบฯ 1 ก.พ.- ครม. เห็นชอบให้ รฟท. ปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) จาก 93,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 96,868 ล้านบาท จากภาระภาษีและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมือง(สายสีแดง)ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ที่เกิดจากภาระภาษีต่างๆ เช่น ค่าภาษีมูลค่าเพิ่มจากการเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น(JICA) เป็นแหล่งเงินกู้ภายในประเทศ ,ค่าภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรจากการนำเข้าของโครงการฯสายสีแดง และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นที่ต้องชำระให้ผู้รับจ้างในส่วนที่เป็นเงินเยนจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน รวมจำนวน 2,917 ล้านบาท ประกอบด้วย ช่วงบางซื่อ-รังสิต จำนวน 2,011 ล้านบาท และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน จำนวน 906 ล้านบาท ทำให้กรอบวงเงินลงทุนโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงตามมติครม.เดิมที่อนุมัติไว้จำนวน 93,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 96,868 ล้านบาท
ขณะเดียวกันครม.ได้อนุมัติให้รฟท.กู้เงินภายในประเทศมาจ่ายค่าอากรนำเข้า(Import Duty) ที่ได้รับการอนุมัติงบประมาณจากครม.และมีมูลค่างานระบุไว้ในสัญญาแล้วเป็นจำนวนเงิน 660 ล้านบาท พร้อมกันนี้ได้ให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินจำนวน 7,985 ล้านบาท ประกอบด้วยช่วงบางซื่อ-รังสิต จำนวน 7,078 ล้านบาท และช่วงบางซื่อ –ตลิ่งชันจำนวน 906 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินที่เหมาะสมพร้อมทั้งค้ำประกันเงินกู้ภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติให้แก่รฟท. โดยรัฐบาลรับภาระค่างานโครงสร้างพื้นฐานงานโยธา และส่วนที่เกี่ยวข้องตามหลักการของมติครม.เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2549
โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชำระต้นเงิน ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นในการกู้เงินในส่วนที่รัฐบาลรับภาระต่อไป ส่วนค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาตู้รถไฟฟ้าให้รฟท.เป็นผู้รับภาระ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆของการกู้เงินตามความเหมาะสมและจำเป็น .-สำนักข่าวไทย