กรุงเทพฯ 13 ม.ค. – หญิงสาวสวมชุดกระโปรงทรงแซ็กไม่แคร์ตำรวจ ยืนปลดหลอดไฟประดับหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เก็บใส่กระเป๋าแบบหน้าตาเฉย ล่าสุดสันติบาลแจ้งท้องที่ตามจับตัวแล้ว
กรณีที่เพจเฟซบุ๊ก “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 2” โพสต์คลิปวิดีโอหญิงคนหนึ่งรูปร่างเล็ก สวมชุดกระโปรงทรงแซ็กสีเทา ปฏิบัติการโนสนโนแคร์ เอื้อมมือปลดหลอดไฟประดับ ที่ติดอยู่ด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างหน้าตาเฉยไม่กลัวตำรวจหรือกลัวถูกตำรวจจับ เนื่องจากจุดที่ยืนปลดหลอดไฟอยู่ไม่ห่างจุดประจำการณ์ของตำรวจสันติบาล โดยเหตุเกิดเมื่อวานนี้ (12 ม.ค. 65) เวลา 19 นาฬิกา 20 นาที ซึ่งจะเป็นช่วง ที่มีประชาชน และรถยนต์ ผ่านจุดเกิดเหตุคับคั่ง
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บพยานนิติวิทยาศาสตร์ เช่น ลายนิ้วมือแฝงบริเวณขั้วหลอดไฟ และจุดที่หญิงสาวหยิบจับในช่วงที่ก่อเหตุ เพื่อเก็บไว้เปรียบเทียบหากมีการควบคุมตัวหญิงสาวที่ก่อเหตุได้ในภายหลัง ขณะที่เช้านี้ตำรวจสันติบาลลงพื้นที่ตรวจดูจุดที่เกิดเหตุและร่องรอยของการขโมยหลอดไฟประดับ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
พลตำรวจตรียิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งตัวแทนไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน. ปทุมวัน แล้ว พร้อมกับประสานให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ สน.ปทุมวัน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อม ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดข้อหาลักทรัพย์สถานที่ราชการ มีอัตราโทษสูง เทียบเท่ากับกรณีการขโมยสายไฟ้ในที่สาธารณะ
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. และ พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. รองโฆษก บช.น. ขอประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร กรณีที่ปรากฏภาพเผยแพร่ทางสื่อโซเซียล โดยระบุข้อความว่า “ป้ากล้ามากก ป้าล้วงคอหูเลยอ่ออป้าถอดไปทำไม ป้ามาถอดหลอดไฟหน้า ตร. เวลา 19.20 น. ไม่ได้นะป้า มันของหลวง ”
พ.ต.ต.อาทิตย์ ชัยประคองชีพ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เวรอำนวยการอยู่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้ทำการตรวจสอบบริเวณรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วพบว่าหลอดไฟนีออนแบบกลม ซึ่งแขวนไว้บริเวณรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งแต่บริเวณประตู 1 ไปถึงบริเวณรั้วหน้าโรงพยาบาลตำรวจ ฝั่งถนนพระราม 1 ได้สูญหายไปทั้งสิ้น 25 ดวง จากนั้นได้มาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อให้ดำเนินคดีกับคนร้ายในคดีนี้ เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมาย โดยพนักงานสอบสวนได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานร่วมกันตรวจสถานที่เกิดเหตุไว้แล้ว จะดำเนินการสอบสวนต่อไป
บช.น.ขอเรียนพี่น้องประชาชน แม้ว่าช่วงนี้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดอย่างเคร่งครัด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจท้องที่
ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 และตำรวจ สน. ปทุมวัน เร่งสืบสวนติดตามผู้ก่อเหตุ โดยเบื้องต้นการก่อเหตุดังกล่าวกล่าวเข้าข่ายความผิดข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ยังไม่เข้าข่ายข้อหาลักทรัพย์ของทางราชการที่ใช้ในสาธารณะประโยชน์ ที่มีอัตราโทษสูงกว่าคดีลักทรัพย์ทั่วไป เนื่องจากหลอดไฟยังไม่ใช่สิ่งของที่ใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์ แต่ใช้สำหรับประดับตกแต่งรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้น ซึ่งการดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ก่อเหตุครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะว่ามาก่อเหตุลักทรัพย์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วต้องเอาเรื่องให้หนัก แต่การลักทรัพย์ไม่ว่าจะก่อเหตุที่ใดก็ตาม ถือเป็นการกระทำความผิดเช่นกัน และไม่อยากให้ผู้ใดไปก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้กับสถานที่ใดก็ตาม.-สำนักข่าวไทย