กรุงเทพฯ 6 ม.ค.- บล.ไทยพาณิชย์ประเมิน ปี 2565 เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 3.6-4.0% ชี้กลยุทธ์ลงทุน เลือกธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต พร้อมแนะ 10 หุ้นเด่นเติบโตดีรับเทรนด์การเปลี่ยนแปลง
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ Chief Research Officer บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า ปี 2564 ที่ผ่านมา เป็นปีที่มาการระบาดของโควิด-19 รุนแรง แต่ขณะเดียวกันจะเห็นว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ SET Index ฟื้นตัวกลับไประดับก่อนเกิดวิกฤติ COVID-19 แล้ว ทั้งๆที่สถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงถือว่ารุนแรง จึงเรียกได้ว่าปี2564 ไม่ใช่ปีที่แย่ของตลาดหุ้น แม้จะมีความกังวลเรื่องดอกเบี้ยแต่โวลุ่มการซื้อขายดีขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะรัฐบาลทั่วโลกเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ อัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินอย่างรุนแรงและรวดเร็วเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยต่ำ อัตราเงินเฟ้อสูงมาก จึงทำให้นักลงทุนกล้าที่จะเสี่ยงนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้น
สำหรับ ปี 2565 นั้น ประเมินว่า โควิด-19 จะยังอยู่ต่อไปอีกระยะ ซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจอย่างแน่นอน แต่เชื่อว่าจะสมารถจัดการได้ เพราะมีความพร้อมมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ให้เศรษฐกิจฟื้นตัว กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีโอกาสที่จะกลับเข้าสู่ภาวะก่อนเกิดวิกฤติ โควิด-19 โดยประเทินว่าภาพรวมเศรษฐกิจและนโยบายจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ (Normalization) หลังมากขึ้น หลังจากโลกใช้เวลาถึง2 ปี ในการต่อสู้กับโควิด-19หลายๆสายพันธุ์ จนมาถึงสายพันธุ์โอไมครอน แม้ว่าโควิด-19 จะแข็งแกร่งขึ้น แต่ความกลัวของตลาดการเงินกลับลดลงตามลำดับ เนื่องจากประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้น กิจกรรมเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวได้ดี ส่งผลให้ความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจลดลง ซึ่งจะทำให้ปี 2565 จะเป็นปีที่อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นเป็นครั้งแรก การเพิ่มภาษีขึ้นบ้าง เพื่อสร้างสมดุลให้กับฐานะการเงินของรัฐบาล ส่วนอัตราการเติบโตของ GDP ก็จะอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ และ คาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นจะลดลงจากปี 2564 โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (DM) จะชะลอตัว
ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 3.6-4.0% จากที่หดตัวลง -6.1% ในปี 2563 และเติบโต +1.0% ในปี 2564 ทั้งนี้ คาดว่าการส่งออกปี 2565 จะเติบโต 2% GDP จะเติบโต 3.6 – 4.0% และนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 8 ล้านคน ด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 6% YoY ในปี 2565 โดยได้รับแรงหนุนจาก GDP ที่เติบโต 3-4% SCBS ประเมินผลตอบแทนของ SET Index ที่ไม่สูงคือ 5-8% โดยได้ 5% ภายในสิ้นปี 2565 และ 8% เมื่อรวมเงินปันผล ในกรณีเลวร้ายหากไม่สามารถควบคุมการแพร่ะบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ได้อาจส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลดลงเหลือ ต่ำกว่า3% (กรณีเลวร้ายที่สุด)
บล.ไทยพาณิชย์ คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2565 โดยตั้งไว้ 3 สมมติฐาน 5 คำทำนาย ประกอบด้วยสมมติฐาน 1) COVID-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นอันเป็นผลมาจากการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง 2) อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัว 60-90% และ 3) ปัญหาคอขวดด้านอุปทานจะเริ่มคลี่คลายลง ส่วน 5 คำทำนายประกอบด้วย 1) กิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกปี 2565 จะกลับมาเป็นปกติมากขึ้น
2) เงินเฟ้อโลกจะลดลงในครึ่งหลังปี 2565
3) นโยบายการเงินโลกจะตึงตัวขึ้นเพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ยกเว้น จีน ที่ยังคงมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อสร้างสมดุลเศรษฐกิจ
4) สงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
และ 5) ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา 5 ปัจจัย ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ความผันผวนของตลาดการเงินโลก ความเสี่ยง Global Stagflation ความผันผวนด้านภูมิอากาศโลก และ การระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ที่อาจรุนแรงกว่าสายพันธุ์ Delta
อย่างไรก็ตาม การระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron มีโอกาสกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2565 ให้ลดลงจากระดับที่ IMF เคยคาดการณ์ไว้สำหรับปี 2022 ที่ 4.9% เหลือเพียง 3.6% หากไม่สามารถควบคุมการระบาด ได้ภายในไตรมาสที่ 1/65 ส่วนเศรษฐกิจไทยนั้นอัตราการเติบโตของ GDP ปี 2565 มีความเสี่ยงลดลงจากประมาณการณ์ล่าสุดที่ 3.6% เหลือ 2.5% หากแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต้องเลื่อนระยะเวลาออกไป รวมถึงรัฐบาลกลับมาคุมเข้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ในปี 2565 เชื่ออว่าปัจจัยทางมหาภาคจะลดบทบาทลง ปีนี้ประเมิน ระดับ SET Index มีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1550-1750 จุด ส่วนค่ากลางจะอยู่ที่ประมาณ 1660 จุด ดังนั้นกลยุทธ์ในการลงทุน ปี 2565 คือ เลือกธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตต่อไปได้อีก โดยแนะนำหุ้นที่น่าสนใจ 10 บริษัท ซึ่งมีทั้งธุรกิจดั้งเดิมและธุรกิจใหม่ ดังนี้ 1.ธุรกิจดั้งเดิม ประกอบด้วย AMATA, KBANK, ZEN, LH และ GULF และ2.ธุรกิจใหม่ ที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ได้แก่ DELTA, ADVANC, ONEE, SECURE และ XPG .-สำนักข่าวไทย